รถเข็นเด็ก ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง รถเข็นพับได้

รถเข็นเด็ก ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง รถเข็นพับได้
รถเข็นเด็ก ยี่ห้อไหนดี ราคาไม่แพง รถเข็นพับได้

รถเข็นเด็กถือเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างมากสำหรับคุณพ่อคุณแม่ในการพาลูกน้อยออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือพาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่ด้วยความหลากหลายของรถเข็นเด็กในท้องตลาด ทั้งรูปแบบ คุณสมบัติ และราคา อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนสับสนไม่รู้จะเลือกแบบไหนดี บทความนี้จะมาแนะนำวิธีการเลือกรถเข็นเด็กให้เหมาะกับการใช้งาน พร้อมแนะนำ 10 รถเข็นเด็กยี่ห้อดี ราคาไม่แพง ที่พับเก็บง่าย และมีฟังก์ชันครบครัน

Table of Contents

วิธีการเลือกรถเข็นเด็ก

การเลือกรถเข็นเด็กให้เหมาะสมกับความต้องการนั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่ควรพิจารณา ดังนี้

1. พิจารณาโครงสร้างและวัสดุของรถเข็นเด็ก

รถเข็นเด็กที่ดีควรมีโครงสร้างที่แข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี โดยทั่วไปโครงสร้างนิยมทำจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอย ซึ่งมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ทำให้พกพาสะดวกและใช้งานได้นาน บางรุ่นมีระบบโช๊คอัพที่ช่วยลดแรงกระแทกเมื่อเข็นบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ ช่วยให้ลูกน้อยนั่งหรือนอนได้อย่างสบาย

2. เลือกตามอายุและน้ำหนักของเด็ก

รถเข็นแต่ละรุ่นจะระบุช่วงอายุและน้ำหนักที่เหมาะสมไว้ชัดเจน เช่น

  • สำหรับเด็กแรกเกิด – 6 เดือน: ควรเลือกรถเข็นที่ปรับเอนนอนราบได้ 165-180 องศา เพื่อให้เด็กนอนในท่าที่ถูกต้องและปลอดภัย
  • สำหรับเด็ก 6 เดือน – 3 ปี: รถเข็นแบบปรับเอนได้หลายระดับ มีระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด
  • สำหรับเด็กโต 3 – 5 ปี: เลือกรถเข็นที่รับน้ำหนักได้มาก 20-50 กิโลกรัม และมีพื้นที่นั่งกว้างขวาง

3. พิจารณาฟังก์ชันการปรับเอนและการหันหน้า

รถเข็นเด็กรุ่นใหม่มักมีความสามารถในการปรับเอนได้หลายระดับ บางรุ่นปรับได้ตั้งแต่ 90-180 องศา ทำให้เด็กสามารถนั่งตรง เอน หรือนอนราบได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังมีรุ่นที่สามารถปรับทิศทางการเข็นได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าหาคุณพ่อคุณแม่ หรือหันออกไปดูสิ่งแวดล้อมรอบตัว

4. ตรวจสอบระบบความปลอดภัย

ความปลอดภัยถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด รถเข็นที่ดีควรมี:

  • เข็มขัดนิรภัย: แบบ 3 จุด หรือ 5 จุด เพื่อยึดตัวเด็กให้อยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย
  • ระบบเบรก: ระบบเบรกที่มั่นคง ล็อคล้อได้ทั้ง 2 หรือ 4 ล้อ
  • ระบบล็อคล้อหน้า: ป้องกันล้อหมุนเมื่อเข็นบนพื้นที่ไม่เรียบ

5. น้ำหนักและการพับเก็บของรถเข็น

หากต้องเดินทางบ่อย ควรเลือกรถเข็นที่:

  • น้ำหนักเบา: รถเข็นน้ำหนักเบา 3-7 กิโลกรัม จะสะดวกต่อการยกขึ้นลงบันได หรือพกพาไปต่างประเทศ
  • พับเก็บง่าย: บางรุ่นพับได้ด้วยมือเดียว และมีขนาดเล็กหลังพับ บางรุ่นได้ขนาด Cabin Size สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้

6. พิจารณาล้อรถเข็น

ล้อรถเข็นมีผลต่อความคล่องตัวในการใช้งาน:

  • ล้อขนาดใหญ่: เหมาะสำหรับการใช้งานบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ เช่น ถนนหิน หรือสนามหญ้า
  • ล้อหมุน 360 องศา: ช่วยให้การเลี้ยวและการควบคุมทิศทางทำได้ง่าย
  • ระบบโช๊คอัพ: ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ทำให้การเข็นนุ่มนวลมากขึ้น

7. อุปกรณ์เสริมที่น่าสนใจ

อุปกรณ์เสริมที่มากับรถเข็นช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย เช่น:

  • หลังคากันแดด/กันฝน: ป้องกันแสงแดดและฝน มีบางรุ่นมีการกัน UV ได้ด้วย
  • ตะกร้าใส่ของ: ช่วยในการเก็บสัมภาระเวลาออกไปข้างนอก
  • ที่วางแก้ว: สำหรับวางขวดนม หรือเครื่องดื่มของผู้ปกครอง
  • ถาดอาหาร: สำหรับวางของเล่นหรืออาหารว่างให้เด็ก

10 รถเข็นเด็กราคาไม่แพง รถเข็นพับได้ แนะนำปี 2025

1. EvianAngel รถเข็นเด็กพับได้ S08 น้ำหนักเบา 4 ล้อ

1. EvianAngel รถเข็นเด็กพับได้
1. EvianAngel รถเข็นเด็กพับได้

 ราคา: 370 บาท

จุดเด่น:

  • โครงสร้างอะลูมิเนียมผสมกับคาร์บอนสีทองหรูหรา
  • น้ำหนักเบา 5.5 กิโลกรัม พกพาสะดวก
  • พนักพิงปรับได้ 3 ระดับ สามารถนั่งและนอนลงได้ถึง 175 องศา
  • ล้อหมุน 360 องศา มีระบบล็อคล้อเพื่อป้องกันไม่ให้รถไหล
  • เข็มขัดนิรภัย 5 จุด และมีช่องมองภาพจากด้านบน
  • รองรับน้ำหนักได้ 35 กิโลกรัม
  • มีตะกร้าใส่ของขนาดใหญ่

เหมาะสำหรับ: เด็ก 1-3 ปี

2. Beige รถเข็นเด็ก รถเข็นเด็กแรกเกิด รถเข็น 4 ล้อ

2. Beige รถเข็นเด็ก
2. Beige รถเข็นเด็ก

ราคา: 849 บาท

จุดเด่น:

  • โครงสร้างเหล็ก SGS แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ถึง 50 กิโลกรัม
  • พนักพิงปรับได้ 3 ระดับ 175 องศา (นั่ง/เอน/นอน)
  • ล้อหมุน 360 องศา สามารถล็อคได้ทุกล้อ
  • มีช่องเก็บของใต้เบาะ เนื้อที่กว้าง
  • ปรับด้ามจับแบบกดได้สองทาง สะดวกในการใช้งาน
  • ระบบเข็มขัดนิรภัย 5 จุด ปลอดภัย

เหมาะสำหรับ: เด็ก 0-4 ปี (0-48 เดือน)

3. Little Tiger T18 รถเข็นเด็กพับได้ น้ำหนัก 2.8 kg ถือขึ้นเครื่องได้

3. Little Tiger T18 รถเข็นเด็กพับได้
3. Little Tiger T18 รถเข็นเด็กพับได้

ราคา: 1,899 บาท

จุดเด่น:

  • น้ำหนักเบาเพียง 2.8 กิโลกรัม
  • โครงสร้างเป็นอะลูมิเนียม แข็งแรงแต่น้ำหนักเบา
  • รับน้ำหนักได้สูงถึง 50 กิโลกรัม
  • หลังคาบังแดด ปรับได้ 5 ระดับ และกัน UPF 50+ กันแสง UV
  • มีหลอดไฟ LED ส่องสว่างทางเดิน เพิ่มความปลอดภัยในยามค่ำคืน
  • ขนาดพับแล้วเหลือเพียง 17 x 40 x 57 ซม. พกพาสะดวก

เหมาะสำหรับ: เด็ก 6 เดือน – 3 ปี

4. Cooper Classic รถเข็นเด็กพับได้ รุ่นคลาสสิค พร้อมของแถม 10 รายการ

4. Cooper Classic รถเข็นเด็กพับได้
4. Cooper Classic รถเข็นเด็กพับได้

ราคา: 5,990 บาท

จุดเด่น:

  • เฟรมเป็น Black Anodizing เงาสวยงาม ทนทาน
  • พับกางง่าย พับแล้วลากได้ไม่ต้องยก
  • เบาะปรับนอนราบใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด
  • รับน้ำหนักได้ถึง 60 กิโลกรัม
  • แขวนของด้านหลังได้ 8 กิโลกรัม โดยรถไม่หงาย
  • มีโช๊คทั้ง 4 ล้อ เข็นลื่นทุกพื้นผิว
  • มาพร้อมของแถม 10 รายการมูลค่า 6,210 บาท เช่น มุ้งกันยุง, กระเป๋าใส่รถเข็น, Rain Cover

เหมาะสำหรับ: เด็กแรกเกิด – 5 ขวบ

5. รถเข็นเด็ก V18 เข็น 2 ฝั่ง เบาะหมุน 360 องศา

5. รถเข็นเด็ก V18 เข็น 2 ฝั่ง
5. รถเข็นเด็ก V18 เข็น 2 ฝั่ง

ราคา: 2,274 บาท

จุดเด่น:

  • เบาะหมุนได้ 360 องศา เข็นได้ 2 ทิศทาง
  • ปรับนั่ง-เอนนอนได้ (หันหน้าเข้า 5 ระดับ / หันหน้าออก 4 ระดับ)
  • น้ำหนักเบาเพียง 7.5 กิโลกรัม
  • รับน้ำหนักได้ถึง 30 กิโลกรัม
  • ร่มกัน UV มีรูระบายอากาศ
  • ปรับความสูงของด้ามเข็นได้ 4 ระดับ
  • ที่พักเท้า 2 ชั้น สำหรับเด็กเล็กและเด็กโต

เหมาะสำหรับ: เด็ก 6 เดือนขึ้นไป 

6. COCOGU รถเข็นเด็กปรับหมุนที่นั่งได้ พร้อมปรับเอนนอน 170 องศา รุ่น Baobaohao V9

6. COCOGU รถเข็นเด็กปรับหมุนที่นั่งได้
6. COCOGU รถเข็นเด็กปรับหมุนที่นั่งได้

ราคา: 3,190 บาท

จุดเด่น:

  • เบาะรูปทรงไข่ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในอ้อมกอด
  • หลังคาป้องกัน 3 มิติ ปรับได้สูงสุด 720 องศา
  • น้ำหนักสุทธิ 7.9 กิโลกรัม
  • ปรับระดับความสูงของด้ามเข็นได้ 2 ระดับ
  • ล้อหน้าขนาด 6 นิ้ว ล้อหลังขนาด 8 นิ้ว
  • ใช้วัสดุอะลูมิเนียม มั่นคงและเบา
  • สามารถหมุนได้ 360 องศา เข็นได้ทั้งแบบหันหน้าเข้าและออก

เหมาะสำหรับ: เด็กแรกเกิดขึ้นไป

7. doona LIKI รุ่น S5 รถเข็นเด็ก รถเข็นสามล้อ รถนั่งเด็ก จักรยานเด็ก

7. doona LIKI รุ่น S5 รถเข็นเด็ก
7. doona LIKI รุ่น S5 รถเข็นเด็ก

ราคา: 12,990 บาท

จุดเด่น:

  • รถเข็นและจักรยาน 3 ล้อ พับได้เล็กที่สุดในโลก ใช้เวลาพับและประกอบแค่ 3 วินาที
  • น้ำหนักเบาเพียง 6.7 กิโลกรัม แต่รองรับน้ำหนักได้ถึง 20 กิโลกรัม
  • พับได้เล็กมาก ขนาดเพียง 23×60 ซม. นำขึ้นเครื่องบินได้โดยไม่ต้องโหลด
  • สามารถปรับเอนได้ 3 ระดับ
  • เบาะรองนั่งสามารถถอดซักทำความสะอาดได้
  • รับประกัน 2 ปี

เหมาะสำหรับ: เด็ก 10 เดือน – 3 ขวบ

8. Joie Muze Lx Ts รถเข็นเด็กแรกเกิด – 22kg พร้อมตระกร้าคาร์ซีท

8. Joie Muze Lx Ts รถเข็นเด็กแรกเกิด
8. Joie Muze Lx Ts รถเข็นเด็กแรกเกิด

ราคา: 6,982 บาท

จุดเด่น:

  • มาพร้อมตะกร้า Car Seat Juva
  • รถเข็นน้ำหนัก 9.11 กิโลกรัม
  • ระบบเบรกสัมผัสเดียว (เหยียบเบรกด้านหลังได้ทั้งซ้ายและขวา)
  • หลังคาผ้า UPF 50+ กัน UV ได้ 99.99% พร้อมกันระอองฝน
  • ปรับเอนนอนราบได้ 170 องศา สำหรับทารก
  • เบาะพักเท้าปรับระดับได้ 2 ระดับ
  • มาพร้อมถาดวางอาหาร

เหมาะสำหรับ: เด็กแรกเกิด – 22 กิโลกรัม

9. Aprica รถเข็นเด็กแรกเกิด – 3 ปี รุ่น Luxuna Cushion

9. Aprica รถเข็นเด็กแรกเกิด
9. Aprica รถเข็นเด็กแรกเกิด

ราคา: 19,900 บาท

จุดเด่น:

  • คิดค้นวิจัยโดยกุมารแพทย์จากประเทศญี่ปุ่น
  • ป้องกันทารกเกิดภาวะ Baby Shaken Syndrome ด้วย Omega Cushion ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 36%
  • ล้อหมุนอัตโนมัติ 360 องศา ทั้ง 4 ล้อ บังคับทิศทางได้ง่าย
  • หมอนทารก Mamoru Support ประคองศีรษะและลำคอ ป้องกันเด็กคอพับ
  • High Seat เบาะนั่งสูงจากพื้น 55 ซม. ป้องกันฝุ่นและความร้อนจากพื้น
  • พนักพิงด้านหลังมีฉนวนสะท้อนความร้อนพร้อมช่องระบายอากาศ
  • น้ำหนักเพียง 5.6 กิโลกรัม ถือขึ้น-ลงบันได ขึ้นรถได้สะดวก

เหมาะสำหรับ: เด็กแรกเกิด – 18 กิโลกรัม

10. Keenz รุ่น Airplus Ultimate 3.0 Next Gen รถเข็นเด็กพับเล็ก น้ำหนักเบา

10. Keenz รุ่น Airplus Ultimate
10. Keenz รุ่น Airplus Ultimate

ราคา: 5,990 บาท

จุดเด่น:

  • ใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิด – 5 ปี (ส่วนสูงไม่เกิน 110 ซม.)
  • รถเข็นหนัก 6.8 กิโลกรัม ขนาด Cabin Size
  • รับน้ำหนักได้ 60 กิโลกรัม (รวมสัมภาระ)
  • ตะกร้าใหญ่จุของได้ถึง 40 ลิตร (สามารถใส่สัตว์เลี้ยงได้)
  • U-bar หมุนได้ 360 องศา ด้ามจับปลอกหนังแบบ Built-in
  • ปรับเอนได้ 180 องศา ปรับนั่งได้ 90 องศา
  • สามารถแขวนสัมภาระได้ 7 กิโลกรัม โดยไม่โยกล้ม
  • มาพร้อมของแถม 15 รายการ มูลค่ารวม 9,380 บาท
  • รับประกันโครงสร้าง 2 ปี

เหมาะสำหรับ: เด็กแรกเกิด – 5 ปี

สรุป การเลือกรถเข็นเด็กให้เหมาะกับการใช้งาน

จากการแนะนำรถเข็นเด็กทั้ง 10 รุ่น จะเห็นได้ว่ามีหลากหลายรูปแบบและราคาให้เลือกตามความเหมาะสม ตั้งแต่รถเข็นราคาประหยัดไม่ถึงพันบาท ไปจนถึงรถเข็นพรีเมียมราคาหลักหมื่น การเลือกซื้อรถเข็นเด็กควรคำนึงถึง:

  1. งบประมาณ: มีให้เลือกตั้งแต่ 370 บาท ไปจนถึง 19,900 บาท
  2. อายุของเด็ก: หากมีทารกแรกเกิด ควรเลือกรุ่นที่ปรับนอนราบได้
  3. น้ำหนักรถเข็น: หากต้องพกพาบ่อย ควรเลือกรุ่นน้ำหนักเบา 3-7 กิโลกรัม
  4. ฟังก์ชันพิเศษ: เช่น การหมุนเบาะ การปรับเอน ระบบกันสะเทือน
  5. ความแข็งแรงทนทาน: รถเข็นคุณภาพดีช่วยให้ใช้งานได้นาน และมีความปลอดภัยสูง

การลงทุนซื้อรถเข็นที่มีคุณภาพดี ถึงแม้จะมีราคาสูงกว่าในตอนแรก แต่ด้วยความทนทานและคุณสมบัติที่ครบครัน จะคุ้มค่าในระยะยาวหากคุณวางแผนมีลูกมากกว่าหนึ่งคน หรือใช้งานเป็นเวลานานหลายปี อย่างไรก็ตาม หากมีงบประมาณจำกัด รถเข็นราคาประหยัดก็มีคุณภาพดีเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป

ทั้งนี้ การเลือกรถเข็นเด็กที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ควรคำนึงถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการใช้งานเป็นหลัก เพื่อให้ได้รถเข็นที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในเมือง การพกพาเดินทาง หรือการใช้งานในระยะยาวที่ต้องการความทนทานเป็นพิเศษ