อาหารเสริมเด็ก 6 เดือน ยี่ห้อไหนดี

อาหารเสริมเด็ก 6 เดือน ยี่ห้อไหนดี
อาหารเสริมเด็ก 6 เดือน ยี่ห้อไหนดี

เมื่อลูกน้อยวัย 6 เดือนเริ่มพร้อมสำหรับอาหารเสริม คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจมีคำถามมากมายว่าควรเลือกอาหารเสริมประเภทใด ยี่ห้อไหนดีที่สุดสำหรับลูก บทความนี้จะพาไปรู้จักกับอาหารเสริมประเภทต่างๆ ข้อควรรู้ก่อนเริ่มให้อาหารเสริม วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม พร้อมแนะนำอาหารเสริมคุณภาพ 10 ยี่ห้อยอดนิยมในปี 2025 เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกอาหารเสริมที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณ

อาหารเสริมเด็ก 6 เดือน คืออะไร

อาหารเสริม (Complementary Foods) สำหรับเด็กทารกคือ อาหารที่ให้เพิ่มเติมจากนมแม่หรือนมผสมเมื่อเด็กมีอายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไป เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการเจริญเติบโต ช่วงวัย 6 เดือนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญเพราะทารกเริ่มพร้อมสำหรับการรับอาหารในรูปแบบอื่นที่นอกเหนือจากนม ระบบย่อยอาหารพัฒนาพอที่จะรับอาหารชนิดอื่นได้ และทารกต้องการสารอาหารเพิ่มเติม โดยเฉพาะธาตุเหล็กที่สำรองในร่างกายตั้งแต่แรกเกิดเริ่มลดลง

เด็ก 6 เดือนพร้อมรับอาหารเสริมเมื่อไร

การสังเกตว่าทารกพร้อมรับอาหารเสริมหรือไม่ มีข้อบ่งชี้ดังนี้:

  • สามารถนั่งได้เมื่อมีการพยุง และสามารถควบคุมศีรษะได้ดี
  • แสดงความสนใจเมื่อเห็นอาหาร เช่น มองตาม พยายามเอื้อมหยิบ
  • สามารถปิดปากรับช้อนได้ และไม่ดันอาหารออกมาด้วยลิ้น
  • มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด

ประเภทของอาหารเสริมสำหรับเด็ก 6 เดือน

  1. ธัญพืชบด/ซีรีลาค: มักเป็นอาหารกลุ่มแรกที่แนะนำให้เริ่มต้น ทำจากข้าว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ผสมนมหรือไม่ผสมนม ให้ธาตุเหล็กและสารอาหารสำคัญ
  2. ผักผลไม้บด: มีทั้งแบบผงและแบบบรรจุในซอง/ถ้วยพร้อมทาน
  3. เนื้อสัตว์บด: เช่น ไก่ ปลา ตับ ผสมกับข้าวหรือผัก
  4. อาหารพร้อมทาน: มีทั้งแบบถ้วย แบบซอง สะดวกในการใช้งาน

Table of Contents

วิธีเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อย

1. พิจารณาอายุที่เหมาะสม

อาหารเสริมมักแบ่งตามช่วงอายุของเด็ก:

  • 6 เดือน: เริ่มจากอาหารที่มีเนื้อเนียนละเอียด เช่น ข้าวบด ซีรีลาค ผัก/ผลไม้บดเนียน
  • 8-10 เดือน: อาหารที่มีเนื้อหยาบขึ้น ผสมหลายชนิด มีทั้งผัก ธัญพืช เนื้อสัตว์
  • 12 เดือนขึ้นไป: อาหารที่มีเนื้อหยาบ มีชิ้นเล็กๆ เพื่อฝึกการเคี้ยว

2. สังเกตส่วนผสมและคุณค่าทางโภชนาการ

  • ส่วนผสมที่ควรมี: ธัญพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
  • ธาตุเหล็ก: สำคัญมากสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ธาตุเหล็กสะสมตั้งแต่แรกเกิดเริ่มหมด
  • ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง: น้ำตาลเพิ่ม เกลือ สารกันเสีย สารปรุงแต่งรสและกลิ่นสังเคราะห์

3. พิจารณาความสะดวกในการใช้งาน

  • แบบผง: ต้องผสมน้ำหรือนม แต่ราคาประหยัดกว่า อายุการเก็บรักษายาวนาน
  • แบบพร้อมทาน: สะดวก ใช้งานง่าย ไม่ต้องเตรียม เหมาะสำหรับพกพา แต่มักมีราคาสูงกว่า

4. ตรวจสอบมาตรฐานและความปลอดภัย

  • มาตรฐาน อย.: ควรมีเลขที่ อย. กำกับ
  • มาตรฐานออร์แกนิค: หากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ควรมีตรารับรองที่น่าเชื่อถือ เช่น USDA Organic, EU Organic
  • มาตรฐานฮาลาล: สำหรับครอบครัวที่ต้องการผลิตภัณฑ์ฮาลาล

5. พิจารณาสำหรับเด็กที่มีอาการแพ้

หากลูกน้อยมีอาการแพ้อาหารบางประเภท ควรตรวจสอบส่วนประกอบอย่างละเอียด และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุชัดเจนว่า:

  • ปราศจากกลูเตน (Gluten-free)
  • ไม่มีนมวัว (Dairy-free)
  • ไม่มีไข่ (Egg-free)
  • ไม่มีถั่ว (Nut-free)

10 อาหารเสริมเด็ก 6 เดือน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025

1. Cerelac (ซีรีแล็ค) อาหารเสริมสำหรับเด็ก

1. Cerelac (ซีรีแล็ค)
1. Cerelac (ซีรีแล็ค)

ราคา: 105 บาท (ขนาด 200-250 กรัม)

จุดเด่น:

  • ผลิตภัณฑ์จากเนสท์เล่ แบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักมายาวนาน
  • มีหลากหลายสูตรให้เลือก เช่น สูตรเริ่มต้น (ข้าวสาลีและนม), สูตรผสมกล้วย, สูตรผสมถั่วเหลือง ฟักทอง และผักรวม
  • เสริมธาตุเหล็ก โพรไบโอติก และน้ำมันปลา ซึ่งช่วยในการพัฒนาสมองและร่างกาย
  • มีสูตรไม่ผสมนมสำหรับเด็กที่แพ้นมวัว
  • มีเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย

ข้อควรพิจารณา:

  • มีส่วนผสมของน้ำตาลในบางสูตร
  • มีส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็กบางคน เช่น กลูเตนจากข้าวสาลี

เหมาะสำหรับ: เด็กทั่วไปที่ไม่มีปัญหาการแพ้อาหาร ต้องการอาหารเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน

2. CareChoice (แคร์ช้อยส์) ปลาตัวเล็กตัวน้อยบดผง

2. CareChoice (แคร์ช้อยส์)
2. CareChoice (แคร์ช้อยส์)

ราคา: 155 บาท (ขนาด 50 กรัม)

จุดเด่น:

  • ผลิตจากปลาตัวเล็กตัวน้อย 100% ไม่ผสมแป้ง น้ำตาล หรือสารปรุงแต่งใดๆ
  • มีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูก
  • มีโอเมก้า 3 ช่วยพัฒนาการทางระบบประสาท สมอง และการมองเห็น
  • ไม่มีสารกันเสีย ไม่แต่งสี กลิ่น รส
  • สะดวกในการใช้งาน สามารถผสมในข้าว ซุป หรืออาหารอื่นๆ ได้

ข้อควรพิจารณา:

  • เป็นผลิตภัณฑ์จากปลาน้ำจืด อาจไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้อาหารทะเล
  • เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากปลาล้วน จึงควรผสมกับอาหารประเภทอื่นเพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลาย

เหมาะสำหรับ: เด็กที่ต้องการแคลเซียมและโอเมก้า 3 เสริม เหมาะสำหรับผสมในอาหารประจำวัน

3. Peachy (พีชชี่) ซอสสูตรผลไม้และสูตรเนื้อสัตว์

3. Peachy (พีชชี่)
3. Peachy (พีชชี่)

ราคา: 25-92 บาท (ขนาด 110-125 กรัม)

จุดเด่น:

  • มีทั้งสูตรผลไม้สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป และสูตรเนื้อสัตว์สำหรับเด็ก 7 เดือนขึ้นไป
  • หลากหลายรสชาติทั้งผลไม้และผัก เช่น แอปเปิ้ล มะม่วง กล้วย แครอท ฟักทอง
  • สูตรเนื้อสัตว์มีหลายแบบ เช่น ซุปข้าวโพดไก่ ข้าวกล้องต้มปลาแซลมอน ตับไก่ซอสส้ม
  • ไม่มีส่วนผสมของนมวัว แป้งสาลี และไข่ เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้นมวัว แพ้ไข่ แพ้แป้งสาลี
  • ไม่เติมเกลือ น้ำตาล และสารกันเสีย
  • บรรจุในซองพกพาสะดวก รับประทานได้ทันที

ข้อควรพิจารณา:

  • ซองละ 110-125 กรัม อาจไม่พอสำหรับเด็กโตที่รับประทานได้มากขึ้น
  • เนื่องจากเป็นอาหารพร้อมทาน ราคาจึงสูงกว่าแบบผงที่ต้องผสมเอง

เหมาะสำหรับ: เด็กที่มีอาการแพ้นมวัว ไข่ หรือแป้งสาลี และครอบครัวที่ต้องการความสะดวก เหมาะสำหรับพกพาเดินทาง

4. Picnic Baby (ปิคนิค เบบี้) อาหารเสริมเด็กพร้อมทาน

4. Picnic Baby (ปิคนิค เบบี้)
4. Picnic Baby (ปิคนิค เบบี้)

ราคา: 67-77 บาท (ขนาด 100 กรัม)

จุดเด่น:

  • มี 9 รสชาติให้เลือก แบ่งตามช่วงอายุ: 6 เดือน, 10 เดือน และ 12 เดือนขึ้นไป
  • สูตรสำหรับ 6 เดือนมี 4 รสชาติ เช่น ข้าวสุก+เนื้อไก่+ไข่แดง+ผัก, มันฝรั่ง+แซลมอน+ข้าวโพด+ผักโขม
  • ผลิตด้วยเทคโนโลยีรีทอร์ท (Retort) ฆ่าเชื้อระดับมาตรฐานสากล ไม่ต้องแช่เย็น
  • มาพร้อมช้อนในทุกซอง สะดวกในการรับประทาน
  • ไม่เติมเกลือ น้ำตาล และไม่มีสารกันเสีย
  • ได้รับมาตรฐานฮาลาล

ข้อควรพิจารณา:

  • สูตรไก่ของ 6 เดือนมีไข่แดงผสม ไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้ไข่
  • สูตรแซลมอนไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้อาหารทะเล
  • สูตร 12 เดือนรสมักกะโรนีมีแป้งสาลี ไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้กลูเตน

เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ต้องการอาหารพร้อมทานที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน สะดวกในการพกพา

5. Baby Natura (เบบี้ เนเชอร่า) อาหารเสริมออร์แกนิกสำหรับเด็ก

5. Baby Natura (เบบี้ เนเชอร่า)
5. Baby Natura (เบบี้ เนเชอร่า)

ราคา: 85 บาท (ขนาด 120 กรัม บรรจุ 6 ซอง)

จุดเด่น:

  • ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก 100% ปลอดสารเคมี
  • มีหลายสูตรให้เลือกสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป เช่น ข้าวกล้องบด, ข้าวกล้องบดผสมกล้วย, ข้าวกล้องบดผสมฟักทอง, ข้าวกล้องบดผสมแครอท
  • ไม่มีส่วนผสมของนมวัว ถั่ว ไข่ และกลูเตนจากแป้งสาลี
  • ไม่ใช้วัตถุกันเสีย
  • บรรจุแบบซองใช้งานสะดวก 1 กล่องมี 6 ซอง

ข้อควรพิจารณา:

  • ต้องผสมน้ำก่อนใช้งาน ไม่ใช่แบบพร้อมทาน
  • มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อ 2 ชิ้น (จากข้อมูลร้านค้า)

เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคและต้องการอาหารที่ปลอดสารเคมี เหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการแพ้หลายชนิด

6. Mama Cooks (มาม๊าคุ๊กส์) โจ๊กข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค

6. Mama Cooks (มาม๊าคุ๊กส์)
6. Mama Cooks (มาม๊าคุ๊กส์)

ราคา: 169 บาท (ขนาด 180 กรัม)

จุดเด่น:

  • ผลิตจากข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค 100%
  • ปราศจากกลูเตน (Gluten-free) เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้กลูเตน
  • ไม่ใส่สี ไม่แต่งกลิ่น ไม่มีสารกันเสีย
  • ได้รับมาตรฐานฮาลาล
  • 1 กระปุก (180 กรัม) แบ่งทานได้ประมาณ 18-20 มื้อ คุ้มค่า
  • เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป

ข้อควรพิจารณา:

  • เป็นโจ๊กข้าวกล้องล้วน ไม่มีส่วนผสมของผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ ควรเสริมด้วยอาหารประเภทอื่น
  • ต้องผสมน้ำ นม หรือน้ำซุป ไม่ใช่แบบพร้อมทาน

เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ต้องการอาหารพื้นฐานที่เป็นออร์แกนิค เพื่อนำไปปรุงเพิ่มเติมเอง เหมาะกับเด็กที่แพ้กลูเตน

7. Hooray! (ฮูเร่!) อาหารเสริมเด็กพร้อมทาน

7. Hooray! (ฮูเร่!)
7. Hooray! (ฮูเร่!)

ราคา: 58 บาท (ขนาด 140 กรัม)

จุดเด่น:

  • สูตรฟักทองและข้าวโอ๊ตบด สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป มีเนื้อบดเนียน
  • ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย
  • ไม่เติมเกลือและน้ำตาล
  • บรรจุในถ้วย มาพร้อมช้อนและฝาปิด สะดวกในการพกพา
  • สินค้ามีอายุ 1 ปี เก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกติโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น
  • โรงงานได้รับการรับรองมาตรฐานสากล GMP, HACCP, BRC และ HALAL

ข้อควรพิจารณา:

  • สูตรฟักทองและข้าวโอ๊ตบดมีส่วนผสมของข้าวโอ๊ต ซึ่งมีกลูเตน ไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้กลูเตน
  • ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ อาจต้องเสริมโปรตีนจากแหล่งอื่น

เหมาะสำหรับ: เด็กที่เริ่มทานอาหารเสริม เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความสะดวกในการพกพา

8. Xongdur Baby (ซองเดอร์ เบบี้) ข้าวกล้องงอกออร์แกนิก

8. Xongdur Baby (ซองเดอร์ เบบี้)
8. Xongdur Baby (ซองเดอร์ เบบี้)

ราคา: 89 บาท (บรรจุ 6 ซอง)

จุดเด่น:

  • ข้าวกล้องงอกออร์แกนิกผสมกล้วยและฟักทอง
  • ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับโลก จากอเมริกา-แคนาดา (USDA Organic – CANADA Organic) และยุโรป (EU Organic)
  • มีสารกาบาช่วยในการพัฒนาระบบประสาทและสมอง รวมถึงฮอร์โมนที่มีผลต่อการเจริญเติบโต
  • ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ไม่ผสมน้ำตาล นมวัว ถั่ว ไข่
  • ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ เช่น กลูเตน ปลอดสารพิษ
  • สะดวก เพียงฉีกซองเติมน้ำร้อน

ข้อควรพิจารณา:

  • ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ควรเสริมโปรตีนจากแหล่งอื่น
  • ต้องผสมน้ำก่อนใช้งาน ไม่ใช่แบบพร้อมทาน

เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค และเด็กที่มีอาการแพ้หลายชนิด

9. Cubbe (คิวบ์) ข้าวตุ๋นแบบผง

9. Cubbe (คิวบ์)
9. Cubbe (คิวบ์)

ราคา: ไม่ระบุในข้อมูล (ขนาด 70 กรัม)

จุดเด่น:

  • มี 7 รสชาติให้เลือก เช่น ข้าวตุ๋นไก่ & แครอท & ผักโขม, ข้าวตุ๋นไข่แดง & ข้าวโพด & บร็อคโคลี, ข้าวตุ๋นแซลมอน & ผักโขม & อะโวคาโด
  • ใช้กระบวนการฟรีซดราย ทำให้สารอาหารยังอยู่ครบถ้วน
  • ไม่มีนม ถั่ว แป้งสาลี หรือผงชูรส เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้ง่าย
  • หนึ่งซองแบ่งทานได้ 2-3 มื้อ คุ้มค่า
  • มีรสชาติหอม อร่อย และไม่ปรุงแต่งรสชาติ

ข้อควรพิจารณา:

  • รุ่น 6 เดือนต้องนำไปต้ม ใช้เวลาในการเตรียม (10 นาที)
  • ต้องเตรียมโดยใช้น้ำในปริมาณมาก (450 มล. ต่อ 1 ซอง)

เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ต้องการอาหารที่มีส่วนผสมหลากหลายและคุณค่าทางโภชนาการสูง

10. เนสท์เล่ซีรีแล็คโจ๊ก (NESTLE CERELAC JOKE)

10. เนสท์เล่ซีรีแล็คโจ๊ก (NESTLE CERELAC JOKE)
10. เนสท์เล่ซีรีแล็คโจ๊ก (NESTLE CERELAC JOKE)

ราคา: ฿89 (ขนาด 200 กรัม)

จุดเด่น:

  • ผสมแซลมอน ฟักทอง และแครอท ให้คุณค่าทางโภชนาการหลากหลาย
  • ผลิตภัณฑ์จากเนสท์เล่ แบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักมายาวนาน
  • อาหารเสริมสำหรับทารกและเด็กเล็ก อายุตั้งแต่ 6 เดือน – 3 ปี
  • ได้รับการรับรองมาตรฐาน อย.
  • บรรจุในซองพกพาสะดวก

ข้อควรพิจารณา:

  • ไม่มีข้อมูลส่วนประกอบโดยละเอียด ควรตรวจสอบก่อนให้เด็กที่มีอาการแพ้อาหาร
  • ราคาอาจสูงกว่าแบรนด์ท้องถิ่น

เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ต้องการความสะดวกและเชื่อมั่นในแบรนด์ที่มีชื่อเสียง

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเริ่มให้อาหารเสริมแก่ทารก

วิธีเริ่มต้นให้อาหารเสริม

  1. เริ่มอย่างช้าๆ ทีละอย่าง: เริ่มจากอาหารชนิดเดียวก่อน และรอสังเกตอาการ 3-5 วัน ก่อนเริ่มอาหารชนิดใหม่ เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่
  2. ปริมาณน้อยก่อน: เริ่มจาก 1-2 ช้อนชาต่อมื้อ แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณเมื่อเด็กรับได้ดี
  3. ความถี่: เริ่มจาก 1 มื้อต่อวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 2-3 มื้อ เมื่อเด็กอายุ 8-9 เดือน
  4. เนื้ออาหาร: เริ่มด้วยอาหารที่เนียนบดละเอียด จากนั้นค่อยๆ ปรับให้หยาบขึ้นตามพัฒนาการของเด็ก

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงแรก

  1. น้ำผึ้ง: ไม่ควรให้น้ำผึ้งในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เนื่องจากเสี่ยงต่อโรคโบทูลิซึม
  2. น้ำตาลและเกลือ: หลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาลและเกลือในอาหารเด็ก
  3. นมวัว: ไม่ควรให้นมวัวเป็นเครื่องดื่มหลักในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
  4. อาหารที่เสี่ยงต่อการสำลัก: เช่น ถั่ว องุ่นทั้งเม็ด ฮอทด็อก ไส้กรอกทั้งชิ้น
  5. อาหารที่มีโอกาสแพ้สูง: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้อาหารที่มีโอกาสแพ้สูง เช่น ไข่ นมวัว ถั่ว อาหารทะเล

สัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กไม่พร้อมหรืออิ่มแล้ว

  1. สัญญาณไม่พร้อม: หันหน้าหนี ดันอาหารออกด้วยลิ้น ร้องไห้ หงุดหงิด
  2. สัญญาณอิ่ม: ปิดปาก หันหน้าหนี ผลักช้อนออก หยุดการเคี้ยว

ไม่ควรบังคับให้เด็กรับประทานเมื่อแสดงสัญญาณเหล่านี้ เพราะจะทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อการรับประทานอาหาร

เลือกอาหารเสริมให้เหมาะกับลูกน้อย

การเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไปนั้น ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งคุณค่าทางโภชนาการ ความสะอาดปลอดภัย ความเหมาะสมกับพัฒนาการ และความชอบของเด็ก ไม่มียี่ห้อใดที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทุกคน เพราะแต่ละคนมีความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตปฏิกิริยาของลูกน้อยต่ออาหารแต่ละชนิด หากพบว่ามีอาการแพ้หรือไม่ชอบ ควรปรับเปลี่ยนหรือหลีกเลี่ยงอาหารนั้น ทั้งนี้ การให้อาหารเสริมควรเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังคงให้นมแม่หรือนมผสมควบคู่ไปด้วย