
เมื่อลูกน้อยวัย 6 เดือนเริ่มพร้อมสำหรับอาหารเสริม คุณพ่อคุณแม่มือใหม่อาจมีคำถามมากมายว่าควรเลือกอาหารเสริมประเภทใด ยี่ห้อไหนดีที่สุดสำหรับลูก บทความนี้จะพาไปรู้จักกับอาหารเสริมประเภทต่างๆ ข้อควรรู้ก่อนเริ่มให้อาหารเสริม วิธีเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม พร้อมแนะนำอาหารเสริมคุณภาพ 10 ยี่ห้อยอดนิยมในปี 2025 เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกอาหารเสริมที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยของคุณ
อาหารเสริมเด็ก 6 เดือน คืออะไร
อาหารเสริม (Complementary Foods) สำหรับเด็กทารกคือ อาหารที่ให้เพิ่มเติมจากนมแม่หรือนมผสมเมื่อเด็กมีอายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไป เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพียงพอต่อการเจริญเติบโต ช่วงวัย 6 เดือนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญเพราะทารกเริ่มพร้อมสำหรับการรับอาหารในรูปแบบอื่นที่นอกเหนือจากนม ระบบย่อยอาหารพัฒนาพอที่จะรับอาหารชนิดอื่นได้ และทารกต้องการสารอาหารเพิ่มเติม โดยเฉพาะธาตุเหล็กที่สำรองในร่างกายตั้งแต่แรกเกิดเริ่มลดลง
เด็ก 6 เดือนพร้อมรับอาหารเสริมเมื่อไร
การสังเกตว่าทารกพร้อมรับอาหารเสริมหรือไม่ มีข้อบ่งชี้ดังนี้:
- สามารถนั่งได้เมื่อมีการพยุง และสามารถควบคุมศีรษะได้ดี
- แสดงความสนใจเมื่อเห็นอาหาร เช่น มองตาม พยายามเอื้อมหยิบ
- สามารถปิดปากรับช้อนได้ และไม่ดันอาหารออกมาด้วยลิ้น
- มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของน้ำหนักแรกเกิด
ประเภทของอาหารเสริมสำหรับเด็ก 6 เดือน
- ธัญพืชบด/ซีรีลาค: มักเป็นอาหารกลุ่มแรกที่แนะนำให้เริ่มต้น ทำจากข้าว ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ผสมนมหรือไม่ผสมนม ให้ธาตุเหล็กและสารอาหารสำคัญ
- ผักผลไม้บด: มีทั้งแบบผงและแบบบรรจุในซอง/ถ้วยพร้อมทาน
- เนื้อสัตว์บด: เช่น ไก่ ปลา ตับ ผสมกับข้าวหรือผัก
- อาหารพร้อมทาน: มีทั้งแบบถ้วย แบบซอง สะดวกในการใช้งาน
วิธีเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมสำหรับลูกน้อย
1. พิจารณาอายุที่เหมาะสม
อาหารเสริมมักแบ่งตามช่วงอายุของเด็ก:
- 6 เดือน: เริ่มจากอาหารที่มีเนื้อเนียนละเอียด เช่น ข้าวบด ซีรีลาค ผัก/ผลไม้บดเนียน
- 8-10 เดือน: อาหารที่มีเนื้อหยาบขึ้น ผสมหลายชนิด มีทั้งผัก ธัญพืช เนื้อสัตว์
- 12 เดือนขึ้นไป: อาหารที่มีเนื้อหยาบ มีชิ้นเล็กๆ เพื่อฝึกการเคี้ยว
2. สังเกตส่วนผสมและคุณค่าทางโภชนาการ
- ส่วนผสมที่ควรมี: ธัญพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
- ธาตุเหล็ก: สำคัญมากสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่ธาตุเหล็กสะสมตั้งแต่แรกเกิดเริ่มหมด
- ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยง: น้ำตาลเพิ่ม เกลือ สารกันเสีย สารปรุงแต่งรสและกลิ่นสังเคราะห์
3. พิจารณาความสะดวกในการใช้งาน
- แบบผง: ต้องผสมน้ำหรือนม แต่ราคาประหยัดกว่า อายุการเก็บรักษายาวนาน
- แบบพร้อมทาน: สะดวก ใช้งานง่าย ไม่ต้องเตรียม เหมาะสำหรับพกพา แต่มักมีราคาสูงกว่า
4. ตรวจสอบมาตรฐานและความปลอดภัย
- มาตรฐาน อย.: ควรมีเลขที่ อย. กำกับ
- มาตรฐานออร์แกนิค: หากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ควรมีตรารับรองที่น่าเชื่อถือ เช่น USDA Organic, EU Organic
- มาตรฐานฮาลาล: สำหรับครอบครัวที่ต้องการผลิตภัณฑ์ฮาลาล
5. พิจารณาสำหรับเด็กที่มีอาการแพ้
หากลูกน้อยมีอาการแพ้อาหารบางประเภท ควรตรวจสอบส่วนประกอบอย่างละเอียด และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุชัดเจนว่า:
- ปราศจากกลูเตน (Gluten-free)
- ไม่มีนมวัว (Dairy-free)
- ไม่มีไข่ (Egg-free)
- ไม่มีถั่ว (Nut-free)
10 อาหารเสริมเด็ก 6 เดือน ยี่ห้อไหนดี ปี 2025
1. Cerelac (ซีรีแล็ค) อาหารเสริมสำหรับเด็ก

ราคา: 105 บาท (ขนาด 200-250 กรัม)
จุดเด่น:
- ผลิตภัณฑ์จากเนสท์เล่ แบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักมายาวนาน
- มีหลากหลายสูตรให้เลือก เช่น สูตรเริ่มต้น (ข้าวสาลีและนม), สูตรผสมกล้วย, สูตรผสมถั่วเหลือง ฟักทอง และผักรวม
- เสริมธาตุเหล็ก โพรไบโอติก และน้ำมันปลา ซึ่งช่วยในการพัฒนาสมองและร่างกาย
- มีสูตรไม่ผสมนมสำหรับเด็กที่แพ้นมวัว
- มีเนื้อสัมผัสที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย
ข้อควรพิจารณา:
- มีส่วนผสมของน้ำตาลในบางสูตร
- มีส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็กบางคน เช่น กลูเตนจากข้าวสาลี
เหมาะสำหรับ: เด็กทั่วไปที่ไม่มีปัญหาการแพ้อาหาร ต้องการอาหารเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน
2. CareChoice (แคร์ช้อยส์) ปลาตัวเล็กตัวน้อยบดผง

ราคา: 155 บาท (ขนาด 50 กรัม)
จุดเด่น:
- ผลิตจากปลาตัวเล็กตัวน้อย 100% ไม่ผสมแป้ง น้ำตาล หรือสารปรุงแต่งใดๆ
- มีแคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูก
- มีโอเมก้า 3 ช่วยพัฒนาการทางระบบประสาท สมอง และการมองเห็น
- ไม่มีสารกันเสีย ไม่แต่งสี กลิ่น รส
- สะดวกในการใช้งาน สามารถผสมในข้าว ซุป หรืออาหารอื่นๆ ได้
ข้อควรพิจารณา:
- เป็นผลิตภัณฑ์จากปลาน้ำจืด อาจไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้อาหารทะเล
- เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์จากปลาล้วน จึงควรผสมกับอาหารประเภทอื่นเพื่อให้ได้สารอาหารที่หลากหลาย
เหมาะสำหรับ: เด็กที่ต้องการแคลเซียมและโอเมก้า 3 เสริม เหมาะสำหรับผสมในอาหารประจำวัน
3. Peachy (พีชชี่) ซอสสูตรผลไม้และสูตรเนื้อสัตว์

ราคา: 25-92 บาท (ขนาด 110-125 กรัม)
จุดเด่น:
- มีทั้งสูตรผลไม้สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป และสูตรเนื้อสัตว์สำหรับเด็ก 7 เดือนขึ้นไป
- หลากหลายรสชาติทั้งผลไม้และผัก เช่น แอปเปิ้ล มะม่วง กล้วย แครอท ฟักทอง
- สูตรเนื้อสัตว์มีหลายแบบ เช่น ซุปข้าวโพดไก่ ข้าวกล้องต้มปลาแซลมอน ตับไก่ซอสส้ม
- ไม่มีส่วนผสมของนมวัว แป้งสาลี และไข่ เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้นมวัว แพ้ไข่ แพ้แป้งสาลี
- ไม่เติมเกลือ น้ำตาล และสารกันเสีย
- บรรจุในซองพกพาสะดวก รับประทานได้ทันที
ข้อควรพิจารณา:
- ซองละ 110-125 กรัม อาจไม่พอสำหรับเด็กโตที่รับประทานได้มากขึ้น
- เนื่องจากเป็นอาหารพร้อมทาน ราคาจึงสูงกว่าแบบผงที่ต้องผสมเอง
เหมาะสำหรับ: เด็กที่มีอาการแพ้นมวัว ไข่ หรือแป้งสาลี และครอบครัวที่ต้องการความสะดวก เหมาะสำหรับพกพาเดินทาง
4. Picnic Baby (ปิคนิค เบบี้) อาหารเสริมเด็กพร้อมทาน

ราคา: 67-77 บาท (ขนาด 100 กรัม)
จุดเด่น:
- มี 9 รสชาติให้เลือก แบ่งตามช่วงอายุ: 6 เดือน, 10 เดือน และ 12 เดือนขึ้นไป
- สูตรสำหรับ 6 เดือนมี 4 รสชาติ เช่น ข้าวสุก+เนื้อไก่+ไข่แดง+ผัก, มันฝรั่ง+แซลมอน+ข้าวโพด+ผักโขม
- ผลิตด้วยเทคโนโลยีรีทอร์ท (Retort) ฆ่าเชื้อระดับมาตรฐานสากล ไม่ต้องแช่เย็น
- มาพร้อมช้อนในทุกซอง สะดวกในการรับประทาน
- ไม่เติมเกลือ น้ำตาล และไม่มีสารกันเสีย
- ได้รับมาตรฐานฮาลาล
ข้อควรพิจารณา:
- สูตรไก่ของ 6 เดือนมีไข่แดงผสม ไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้ไข่
- สูตรแซลมอนไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้อาหารทะเล
- สูตร 12 เดือนรสมักกะโรนีมีแป้งสาลี ไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้กลูเตน
เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ต้องการอาหารพร้อมทานที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน สะดวกในการพกพา
5. Baby Natura (เบบี้ เนเชอร่า) อาหารเสริมออร์แกนิกสำหรับเด็ก

ราคา: 85 บาท (ขนาด 120 กรัม บรรจุ 6 ซอง)
จุดเด่น:
- ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก 100% ปลอดสารเคมี
- มีหลายสูตรให้เลือกสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป เช่น ข้าวกล้องบด, ข้าวกล้องบดผสมกล้วย, ข้าวกล้องบดผสมฟักทอง, ข้าวกล้องบดผสมแครอท
- ไม่มีส่วนผสมของนมวัว ถั่ว ไข่ และกลูเตนจากแป้งสาลี
- ไม่ใช้วัตถุกันเสีย
- บรรจุแบบซองใช้งานสะดวก 1 กล่องมี 6 ซอง
ข้อควรพิจารณา:
- ต้องผสมน้ำก่อนใช้งาน ไม่ใช่แบบพร้อมทาน
- มีขั้นต่ำในการสั่งซื้อ 2 ชิ้น (จากข้อมูลร้านค้า)
เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคและต้องการอาหารที่ปลอดสารเคมี เหมาะสำหรับเด็กที่มีอาการแพ้หลายชนิด
6. Mama Cooks (มาม๊าคุ๊กส์) โจ๊กข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค

ราคา: 169 บาท (ขนาด 180 กรัม)
จุดเด่น:
- ผลิตจากข้าวกล้องหอมมะลิออร์แกนิค 100%
- ปราศจากกลูเตน (Gluten-free) เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้กลูเตน
- ไม่ใส่สี ไม่แต่งกลิ่น ไม่มีสารกันเสีย
- ได้รับมาตรฐานฮาลาล
- 1 กระปุก (180 กรัม) แบ่งทานได้ประมาณ 18-20 มื้อ คุ้มค่า
- เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
ข้อควรพิจารณา:
- เป็นโจ๊กข้าวกล้องล้วน ไม่มีส่วนผสมของผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ ควรเสริมด้วยอาหารประเภทอื่น
- ต้องผสมน้ำ นม หรือน้ำซุป ไม่ใช่แบบพร้อมทาน
เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ต้องการอาหารพื้นฐานที่เป็นออร์แกนิค เพื่อนำไปปรุงเพิ่มเติมเอง เหมาะกับเด็กที่แพ้กลูเตน
7. Hooray! (ฮูเร่!) อาหารเสริมเด็กพร้อมทาน

ราคา: 58 บาท (ขนาด 140 กรัม)
จุดเด่น:
- สูตรฟักทองและข้าวโอ๊ตบด สำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป มีเนื้อบดเนียน
- ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย
- ไม่เติมเกลือและน้ำตาล
- บรรจุในถ้วย มาพร้อมช้อนและฝาปิด สะดวกในการพกพา
- สินค้ามีอายุ 1 ปี เก็บไว้ได้ในอุณหภูมิปกติโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น
- โรงงานได้รับการรับรองมาตรฐานสากล GMP, HACCP, BRC และ HALAL
ข้อควรพิจารณา:
- สูตรฟักทองและข้าวโอ๊ตบดมีส่วนผสมของข้าวโอ๊ต ซึ่งมีกลูเตน ไม่เหมาะกับเด็กที่แพ้กลูเตน
- ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ อาจต้องเสริมโปรตีนจากแหล่งอื่น
เหมาะสำหรับ: เด็กที่เริ่มทานอาหารเสริม เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความสะดวกในการพกพา
8. Xongdur Baby (ซองเดอร์ เบบี้) ข้าวกล้องงอกออร์แกนิก

ราคา: 89 บาท (บรรจุ 6 ซอง)
จุดเด่น:
- ข้าวกล้องงอกออร์แกนิกผสมกล้วยและฟักทอง
- ได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับโลก จากอเมริกา-แคนาดา (USDA Organic – CANADA Organic) และยุโรป (EU Organic)
- มีสารกาบาช่วยในการพัฒนาระบบประสาทและสมอง รวมถึงฮอร์โมนที่มีผลต่อการเจริญเติบโต
- ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ไม่ผสมน้ำตาล นมวัว ถั่ว ไข่
- ไม่มีสารก่อภูมิแพ้ เช่น กลูเตน ปลอดสารพิษ
- สะดวก เพียงฉีกซองเติมน้ำร้อน
ข้อควรพิจารณา:
- ไม่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ ควรเสริมโปรตีนจากแหล่งอื่น
- ต้องผสมน้ำก่อนใช้งาน ไม่ใช่แบบพร้อมทาน
เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค และเด็กที่มีอาการแพ้หลายชนิด
9. Cubbe (คิวบ์) ข้าวตุ๋นแบบผง

ราคา: ไม่ระบุในข้อมูล (ขนาด 70 กรัม)
จุดเด่น:
- มี 7 รสชาติให้เลือก เช่น ข้าวตุ๋นไก่ & แครอท & ผักโขม, ข้าวตุ๋นไข่แดง & ข้าวโพด & บร็อคโคลี, ข้าวตุ๋นแซลมอน & ผักโขม & อะโวคาโด
- ใช้กระบวนการฟรีซดราย ทำให้สารอาหารยังอยู่ครบถ้วน
- ไม่มีนม ถั่ว แป้งสาลี หรือผงชูรส เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้ง่าย
- หนึ่งซองแบ่งทานได้ 2-3 มื้อ คุ้มค่า
- มีรสชาติหอม อร่อย และไม่ปรุงแต่งรสชาติ
ข้อควรพิจารณา:
- รุ่น 6 เดือนต้องนำไปต้ม ใช้เวลาในการเตรียม (10 นาที)
- ต้องเตรียมโดยใช้น้ำในปริมาณมาก (450 มล. ต่อ 1 ซอง)
เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ต้องการอาหารที่มีส่วนผสมหลากหลายและคุณค่าทางโภชนาการสูง
10. เนสท์เล่ซีรีแล็คโจ๊ก (NESTLE CERELAC JOKE)

ราคา: ฿89 (ขนาด 200 กรัม)
จุดเด่น:
- ผสมแซลมอน ฟักทอง และแครอท ให้คุณค่าทางโภชนาการหลากหลาย
- ผลิตภัณฑ์จากเนสท์เล่ แบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จักมายาวนาน
- อาหารเสริมสำหรับทารกและเด็กเล็ก อายุตั้งแต่ 6 เดือน – 3 ปี
- ได้รับการรับรองมาตรฐาน อย.
- บรรจุในซองพกพาสะดวก
ข้อควรพิจารณา:
- ไม่มีข้อมูลส่วนประกอบโดยละเอียด ควรตรวจสอบก่อนให้เด็กที่มีอาการแพ้อาหาร
- ราคาอาจสูงกว่าแบรนด์ท้องถิ่น
เหมาะสำหรับ: ครอบครัวที่ต้องการความสะดวกและเชื่อมั่นในแบรนด์ที่มีชื่อเสียง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการเริ่มให้อาหารเสริมแก่ทารก
วิธีเริ่มต้นให้อาหารเสริม
- เริ่มอย่างช้าๆ ทีละอย่าง: เริ่มจากอาหารชนิดเดียวก่อน และรอสังเกตอาการ 3-5 วัน ก่อนเริ่มอาหารชนิดใหม่ เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่
- ปริมาณน้อยก่อน: เริ่มจาก 1-2 ช้อนชาต่อมื้อ แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณเมื่อเด็กรับได้ดี
- ความถี่: เริ่มจาก 1 มื้อต่อวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มเป็น 2-3 มื้อ เมื่อเด็กอายุ 8-9 เดือน
- เนื้ออาหาร: เริ่มด้วยอาหารที่เนียนบดละเอียด จากนั้นค่อยๆ ปรับให้หยาบขึ้นตามพัฒนาการของเด็ก
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงแรก
- น้ำผึ้ง: ไม่ควรให้น้ำผึ้งในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เนื่องจากเสี่ยงต่อโรคโบทูลิซึม
- น้ำตาลและเกลือ: หลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาลและเกลือในอาหารเด็ก
- นมวัว: ไม่ควรให้นมวัวเป็นเครื่องดื่มหลักในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี
- อาหารที่เสี่ยงต่อการสำลัก: เช่น ถั่ว องุ่นทั้งเม็ด ฮอทด็อก ไส้กรอกทั้งชิ้น
- อาหารที่มีโอกาสแพ้สูง: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้อาหารที่มีโอกาสแพ้สูง เช่น ไข่ นมวัว ถั่ว อาหารทะเล
สัญญาณที่บ่งบอกว่าเด็กไม่พร้อมหรืออิ่มแล้ว
- สัญญาณไม่พร้อม: หันหน้าหนี ดันอาหารออกด้วยลิ้น ร้องไห้ หงุดหงิด
- สัญญาณอิ่ม: ปิดปาก หันหน้าหนี ผลักช้อนออก หยุดการเคี้ยว
ไม่ควรบังคับให้เด็กรับประทานเมื่อแสดงสัญญาณเหล่านี้ เพราะจะทำให้เกิดประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อการรับประทานอาหาร
เลือกอาหารเสริมให้เหมาะกับลูกน้อย
การเลือกอาหารเสริมที่เหมาะสมสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไปนั้น ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งคุณค่าทางโภชนาการ ความสะอาดปลอดภัย ความเหมาะสมกับพัฒนาการ และความชอบของเด็ก ไม่มียี่ห้อใดที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทุกคน เพราะแต่ละคนมีความต้องการและความชอบที่แตกต่างกัน คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตปฏิกิริยาของลูกน้อยต่ออาหารแต่ละชนิด หากพบว่ามีอาการแพ้หรือไม่ชอบ ควรปรับเปลี่ยนหรือหลีกเลี่ยงอาหารนั้น ทั้งนี้ การให้อาหารเสริมควรเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังคงให้นมแม่หรือนมผสมควบคู่ไปด้วย