รีวิวเครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี

รีวิวเครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี
รีวิวเครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี

เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอากาศร้อนชื้นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ความชื้นในอากาศจะสูงมาก ซึ่งความชื้นเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดเชื้อรา กลิ่นอับชื้น และยังส่งผลเสียต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า รวมไปถึงสุขภาพของผู้อยู่อาศัยได้ เครื่องดูดความชื้น จึงกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลายครัวเรือนพิจารณาจัดหาไว้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

บทความนี้เราได้รวบรวม วิธีการเลือกเครื่องดูดความชื้น ที่เหมาะสมกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นสำหรับพื้นที่ขนาดเล็กหรือใหญ่ พร้อมกับแนะนำ เครื่องดูดความชื้น คุณภาพดีจากแบรนด์ชั้นนำ เพื่อให้คุณได้พิจารณาเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น

Table of Contents

วิธีการเลือกเครื่องดูดความชื้น

การเลือกซื้อเครื่องดูดความชื้นสักหนึ่งเครื่องนั้น ต้องอาศัยหลายปัจจัยในการพิจารณา ดังนั้น เพื่อให้คุณได้เครื่องดูดความชื้นที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานมากที่สุด ขอแนะนำวิธีการเลือกเครื่องดูดความชื้น โดยมีข้อมูลดังต่อไปนี้

  1. พิจารณาประสิทธิภาพในการดูดความชื้น

ประสิทธิภาพในการดูดความชื้นของเครื่องจะวัดในหน่วย “ลิตรต่อวัน” ซึ่งหมายถึงปริมาณน้ำที่เครื่องสามารถดึงออกจากอากาศได้ในระยะเวลา 24 ชั่วโมง เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงจะดูดความชื้นได้มากกว่า เช่น:

  • เครื่องขนาดเล็ก: ดูดความชื้นได้ประมาณ 300 มล. – 1 ลิตรต่อวัน เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก 5-10 ตารางเมตร
  • เครื่องขนาดกลาง: ดูดความชื้นได้ประมาณ 10-15 ลิตรต่อวัน เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาด 20-30 ตารางเมตร
  • เครื่องขนาดใหญ่: ดูดความชื้นได้ 20 ลิตรขึ้นไปต่อวัน เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่ 30 ตารางเมตรขึ้นไป

การเลือกเครื่องที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับขนาดพื้นที่จะช่วยให้การลดความชื้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว

  1. ความจุถังเก็บน้ำ

ความจุของถังเก็บน้ำเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา เพราะจะเกี่ยวข้องกับความถี่ในการเทน้ำทิ้ง ถ้าไม่อยากเทน้ำบ่อยๆ ควรเลือกเครื่องที่มีความจุถังเก็บน้ำมากขึ้น:

  • เครื่องขนาดเล็ก: ถังเก็บน้ำประมาณ 1-2 ลิตร
  • เครื่องขนาดกลาง: ถังเก็บน้ำประมาณ 2-4 ลิตร
  • เครื่องขนาดใหญ่: ถังเก็บน้ำมากกว่า 4 ลิตรขึ้นไป

นอกจากนี้ เครื่องรุ่นที่มีฟังก์ชั่นตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อน้ำเต็มถังจะช่วยเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการใช้งาน

  1. ระดับเสียงขณะทำงาน

เครื่องดูดความชื้นบางรุ่นอาจมีเสียงรบกวนขณะทำงาน ซึ่งอาจเป็นปัญหาหากต้องการใช้ในห้องนอนหรือพื้นที่ที่ต้องการความเงียบ ควรเลือกรุ่นที่มีระดับเสียงต่ำ (วัดในหน่วย dB) หรือมีโหมดทำงานแบบเงียบ (Silent Mode) โดยทั่วไป:

  • เครื่องที่เงียบ: ระดับเสียงน้อยกว่า 40 dB
  • เครื่องที่มีเสียงปานกลาง: ระดับเสียง 40-50 dB
  • เครื่องที่มีเสียงดัง: ระดับเสียงมากกว่า 50 dB
  1. ฟังก์ชั่นการทำงานเพิ่มเติม

เครื่องดูดความชื้นสมัยใหม่มักมาพร้อมกับฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความสะดวกและประสิทธิภาพในการใช้งาน:

ระบบตั้งค่าความชื้นที่ต้องการ (Humidity Setting)

ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดระดับความชื้นที่ต้องการในห้อง เช่น 40%, 50% หรือ 60% RH (Relative Humidity) เมื่อความชื้นในห้องลดลงถึงระดับที่ตั้งไว้ เครื่องจะหยุดทำงานชั่วคราวเพื่อประหยัดพลังงาน และจะทำงานอีกครั้งเมื่อความชื้นสูงขึ้น

ระบบฟอกอากาศในตัว

เครื่องดูดความชื้นบางรุ่นมาพร้อมกับระบบฟอกอากาศในตัว เช่น แผ่นกรอง HEPA, ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ หรือระบบปล่อยไอออนลบ ซึ่งช่วยกำจัดแบคทีเรีย เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ด้วย

ระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ

ฟังก์ชั่นนี้จะช่วยป้องกันการเกิดน้ำแข็งเกาะที่คอยล์เย็นของเครื่องเมื่อใช้งานในสภาพอากาศที่มีอุณหภูมิต่ำ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องและคงประสิทธิภาพในการดูดความชื้น

ระบบตั้งเวลาเปิด-ปิดอัตโนมัติ

ฟังก์ชั่นนี้ช่วยให้คุณสามารถตั้งเวลาเปิดหรือปิดเครื่องอัตโนมัติ เช่น ตั้งให้ทำงาน 8 ชั่วโมงแล้วปิดเอง ช่วยประหยัดพลังงานและสะดวกต่อการใช้งาน

การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน (Wi-Fi Connectivity)

เครื่องดูดความชื้นรุ่นใหม่บางรุ่นมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถควบคุมการทำงานจากระยะไกล ตรวจสอบระดับความชื้น หรือตั้งค่าการทำงานต่างๆ ได้

  1. การใช้พลังงาน

เครื่องดูดความชื้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องเปิดทิ้งไว้เป็นเวลานาน ดังนั้นการพิจารณาเรื่องการใช้พลังงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ เครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงในการประหยัดพลังงานจะช่วยลดค่าไฟฟ้าในระยะยาว โดยทั่วไปเครื่องขนาดเล็กจะใช้พลังงานประมาณ 20-45 วัตต์ เครื่องขนาดกลางประมาณ 45-200 วัตต์ และเครื่องขนาดใหญ่อาจใช้พลังงานมากกว่า 200 วัตต์ขึ้นไป

  1. การออกแบบและขนาดของเครื่อง

ขนาดและน้ำหนักของเครื่องควรเหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน โดยเฉพาะหากต้องการย้ายเครื่องไปใช้ในหลายพื้นที่ ควรเลือกเครื่องที่มีล้อหรือมีด้ามจับที่แข็งแรง นอกจากนี้ การออกแบบที่ทันสมัยจะช่วยให้เครื่องกลมกลืนกับการตกแต่งภายในบ้านมากขึ้น

10 อันดับ เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดี

NO 1 Bwell เครื่องดูดความชื้น รุ่น BDH-26

NO 1 Bwell เครื่องดูดความชื้น รุ่น BDH 26
NO 1 Bwell เครื่องดูดความชื้น รุ่น BDH 26

ราคา: 13,791 บาท

คะแนน: 4.2/5 (5 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • ความสามารถในการลดความชื้น: 26 ลิตรต่อวัน
  • พื้นที่ใช้งาน: 20 – 40 ตารางเมตร
  • ความจุถังน้ำ: 4.2 ลิตร
  • กำลังไฟ: 285 วัตต์
  • แรงดันไฟฟ้า: 220-240V/50Hz
  • ระดับเสียง: 40 dB
  • ขนาดเครื่อง: 397 x 243 x 625 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 13.5 กิโลกรัม

จุดเด่น:

  • มีหน้าจอ Digital แสดงระดับความชื้น
  • สามารถปรับค่าความชื้นที่ต้องการได้ 40% – 70% RH
  • สามารถเชื่อมต่อ WiFi ควบคุมการทำงาน
  • รับประกันสินค้า 1 ปี (คอมเพรสเซอร์ 3 ปี)

เหมาะสำหรับ: ห้องขนาดกลางถึงใหญ่ ผู้ที่ต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงและมีระบบควบคุมผ่าน WiFi

NO 2 HAFELE เครื่องดูดความชื้น

NO 2 HAFELE เครื่องดูดความชื้น
NO 2 HAFELE เครื่องดูดความชื้น

ราคา: 2,630 บาท

คะแนน: 4.9/5 (1,200 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • ความสามารถในการลดความชื้น: 750 มล. ต่อวัน
  • พื้นที่ใช้งาน: 20 ตารางเมตร
  • ความจุถังน้ำ: 2 ลิตร
  • กำลังไฟ: 45 วัตต์
  • แรงดันไฟฟ้า: 220-240V, 50/60Hz
  • ระดับเสียง: ≤42 เดซิเบล
  • ขนาดเครื่อง: 228 x 150 x 373 มม.
  • น้ำหนัก: 2.2 กิโลกรัม

จุดเด่น:

  • น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
  • มีระบบตัดอัตโนมัติเมื่อระดับน้ำในถังเต็ม
  • ทำงานเงียบ ประหยัดพลังงาน
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้

เหมาะสำหรับ: ห้องขนาดเล็ก ผู้ที่มีงบประมาณจำกัด และต้องการเครื่องขนาดกะทัดรัดที่พกพาสะดวก

NO 3 SHARP เครื่องดูดความชื้น รุ่น DW-D20A-W

NO 3 SHARP เครื่องดูดความชื้น รุ่น DW D20A W
NO 3 SHARP เครื่องดูดความชื้น รุ่น DW D20A W

ราคา: 11,990 บาท

คะแนน: 5.0/5 (2 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • พื้นที่ใช้งาน: สูงถึง 50 ตารางเมตร
  • ความจุถังน้ำ: 4.2 ลิตร
  • กำลังไฟ: 270 วัตต์
  • ขนาดเครื่อง: 37.4 x 25.0 x 62.0 ซม.
  • น้ำหนัก: 14.1 กก.

จุดเด่น:

  • มีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ไอออนกำจัดแบคทีเรีย เซลล์เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้
  • ความหนาแน่นของไอออน 7000 ไอออน/ลบ.ซม.
  • มีแผ่นกรอง HEPA ระดับพรีเมี่ยม
  • มีโหมดแห้งเร็ว
  • มีเซ็นเซอร์วัดความชื้นและคุณภาพอากาศ
  • มีฟังก์ชั่นจับเวลา และโหมดสวิงอัตโนมัติ

เหมาะสำหรับ: ห้องขนาดใหญ่ ผู้ที่ให้ความสำคัญกับการกรองอากาศควบคู่ไปกับการลดความชื้น ผู้ที่ต้องการแบรนด์ญี่ปุ่นที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ

NO 4 Ksrain เครื่องดูดความชื้น รุ่น JD406 พร้อมระบบฟอกอากาศ

NO 4 Ksrain เครื่องดูดความชื้น รุ่น JD406
NO 4 Ksrain เครื่องดูดความชื้น รุ่น JD406

ราคา: 891 บาท

คะแนน: 4.8/5 (418 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • ความสามารถในการลดความชื้น: 350 มล./วัน
  • พื้นที่ใช้งาน: 5-26 ตารางเมตร
  • ความจุถังน้ำ: 1000 มล.
  • กำลังไฟ: 36 วัตต์ (สูงสุด 45 วัตต์)
  • แรงดันไฟฟ้า: 220V
  • ขนาดเครื่อง: 18 x 17 x 27 ซม.
  • น้ำหนัก: 1.3 กก.

จุดเด่น:

  • มีระบบฟอกอากาศภายในตัวพร้อมไส้กรอง
  • กำจัดเชื้อรา แบคทีเรีย ระบบไฟ LED 7สี
  • มีไฟ LED 7 สี เพิ่มความผ่อนคลาย
  • โหมด Sleep เงียบเหมาะสำหรับใช้ในห้องนอน
  • มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อน้ำเต็มถัง
  • ราคาประหยัด

เหมาะสำหรับ: ห้องขนาดเล็ก ผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการเครื่องที่มีฟังก์ชั่นเสริมเช่นไฟ LED และระบบฟอกอากาศ

NO 5 LENODI เครื่องดูดความชื้น ขนาด 2.5L

NO 5 LENODI เครื่องดูดความชื้น
NO 5 LENODI เครื่องดูดความชื้น

ราคา: 1,024 บาท

คะแนน: 4.5/5 (100 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • ความสามารถในการลดความชื้น: 12 ลิตร/วัน
  • ความจุถังน้ำ: 2.2 ลิตร
  • กำลังไฟ: 65 วัตต์
  • ระดับเสียง: 38 dB
  • ขนาดเครื่อง: 232 x 140 x 360 มม.

จุดเด่น:

  • มีการทำให้อากาศบริสุทธิ์ด้วยไอออนลบ
  • มีกล่องน้ำหอมในตัว เพิ่มความหอมสดชื่น
  • หน้าจอสัมผัสใช้งานง่าย
  • เสียงเงียบขณะทำงาน
  • มีระบบเตือนเมื่อน้ำเต็มถัง
  • ประหยัดพลังงาน

เหมาะสำหรับ: ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องเก็บของ โรงรถ ห้องเรียน ห้องน้ำ ชั้นใต้ดิน เหมาะกับผู้ที่ต้องการเครื่องราคาไม่แพงแต่มีประสิทธิภาพดี

NO 6 SIMPLUS เครื่องดูดความชื้น รุ่น LiteDry C2

NO 6 SIMPLUS เครื่องลดความชื้น
NO 6 SIMPLUS เครื่องลดความชื้น

ราคา: 1,599 บาท

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • กำลังไฟ: 65 วัตต์
  • ความจุถังเก็บน้ำ: 2.5 ลิตร
  • อัตราการลดความชื้น: ต่ำสุด 380 มล./ชม.
  • ระดับเสียง: 35 dB(A)
  • น้ำหนัก: 2 กก.
  • ขนาด: 23 x 15 x 35 ซม.

จุดเด่น:

  • ปรับลดความชื้นได้ 3 ระดับ
  • ละอองน้ำละเอียดระดับนาโน
  • เหมาะสำหรับพื้นที่ 40 ตารางเมตร
  • ทำงานเงียบ
  • รับประกัน 12 เดือน

หมายเหตุ: สินค้านี้เป็นเครื่องเพิ่มความชื้น (Humidifier) ไม่ใช่เครื่องดูดความชื้น (Dehumidifier) เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศแห้ง

NO 7 KASHIWA เครื่องดูดความชื้น รุ่น HC-101

NO 7 KASHIWA เครื่องดูดความชื้น รุ่น HC 101
NO 7 KASHIWA เครื่องดูดความชื้น รุ่น HC 101

ราคา: 1,406 บาท

คะแนน: 4.8/5 (32 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • ความจุถังน้ำ: 2.5 ลิตร
  • กำลังไฟ: 60 วัตต์
  • ความสามารถในการลดความชื้น: 0.38 ลิตร/วัน
  • พื้นที่ใช้งาน: 25 ตารางเมตร
  • ขนาดเครื่อง: 23 x 15 x 34.5 ซม.

จุดเด่น:

  • ถังเก็บน้ำดีไซน์ป้องกันเสียงรบกวน
  • มีระบบป้องกันน้ำเต็ม ตัดไฟอัตโนมัติ
  • มีแผงสัมผัสและจอ LCD
  • ใช้งานง่าย มีปุ่มลดความชื้นในปุ่มเดียว
  • แสดงผลอุณหภูมิแบบเรียลไทม์
  • รับประกันศูนย์ 1 ปี

เหมาะสำหรับ: ห้องขนาดเล็กถึงกลาง ผู้ที่ต้องการเครื่องราคาประหยัดแต่มีฟังก์ชั่นครบครัน

NO 8 KASHIWA รุ่น HC-102 เครื่องลดความชื้น ขนาด 1.2 ลิตร

NO 8 KASHIWA รุ่น HC 102
NO 8 KASHIWA รุ่น HC 102

ราคา: 831 บาท

คะแนน: 4.9/5 (37 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • ความจุถังน้ำ: 1.2 ลิตร
  • กำลังไฟ: 30 วัตต์
  • ความสามารถในการลดความชื้น: 100 มล./วัน
  • พื้นที่ใช้งาน: 10-30 ตารางเมตร
  • ขนาดเครื่อง: 14.5 x 13.5 x 25 ซม.

จุดเด่น:

  • ขนาดกะทัดรัด
  • ถังเก็บน้ำดีไซน์ป้องกันเสียงรบกวน
  • มีระบบป้องกันน้ำเต็ม ตัดไฟอัตโนมัติ
  • มีจอสัมผัส ใช้งานง่าย
  • แสดงผลอุณหภูมิแบบเรียลไทม์
  • รับประกันศูนย์ 1 ปี

เหมาะสำหรับ: ห้องขนาดเล็ก เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด และต้องการเครื่องขนาดเล็กที่พกพาสะดวก

NO 9 Deerma Dehumidifier เครื่องลดความชื้นขนาดเล็ก CS50M

NO 9 Deerma Dehumidifier
NO 9 Deerma Dehumidifier

ราคา: 499 บาท

คะแนน: 4.8/5 (131 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • พื้นที่ใช้งาน: ≤5 ตารางเมตร
  • กำลังไฟ: 20 วัตต์
  • แรงดันไฟฟ้า / ความถี่: 220V – 50Hz
  • ขนาด: 7.5 x 7.5 x 20.6 ซม.
  • น้ำหนัก: 800 กรัม

จุดเด่น:

  • ใช้เทคโนโลยีการดูดความชื้นแบบรีไซเคิล ไม่มีวัสดุสิ้นเปลือง
  • มีการดูดความชื้นแบบ 360 องศารอบทิศทาง
  • มีหน้าต่างแสดงสถานะความชื้นแบบมองเห็นได้ชัดเจน
  • ใช้เม็ดดูดความชื้นที่เปลี่ยนสีเมื่อดูดความชื้น (สีส้มเมื่อแห้ง, สีเขียวเข้มเมื่อเปียก)
  • มีระบบ PTC อบเม็ดดูดความชื้นเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่
  • ดีไซน์ทรงกระบอก เหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก

เหมาะสำหรับ: พื้นที่ขนาดเล็กมาก เช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า ลิ้นชัก เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดและต้องการเครื่องขนาดเล็กที่สุด

NO 10 Xiaomi Douhe เครื่องลดความชื้น แบบพกพา สําหรับบ้าน ห้องน้ํา ห้องนอน Mijia DH-CS02

NO 10 Xiaomi Douhe
NO 10 Xiaomi Douhe

ราคา: 1,949 บาท

คะแนน: 4.9/5 (117 รีวิว)

ข้อมูลจำเพาะของสินค้า:

  • ความจุถังน้ำ: 2 ลิตร
  • กำลังไฟ: 65 วัตต์
  • พื้นที่ใช้งาน: 50 ตารางเมตร
  • ขนาด: 225 x 152.5 x 312 มม.
  • น้ำหนัก: 2.3 กก.

จุดเด่น:

  • ดูดความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีถังน้ำที่มองเห็นได้ชัดเจน
  • มีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อน้ำเต็มถัง
  • เสียงรบกวนในการทำงานต่ำกว่า 41 dB ในโหมดสลีป
  • มีเทคโนโลยีการระบายความร้อนแบบเซมิคอนดักเตอร์สองชั้น
  • มีฟังก์ชั่นละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ
  • มีจอแสดงผล LED ควบคุมแบบสัมผัส
  • มีฟังก์ชั่นตั้งเวลาทำงาน 8-48 ชั่วโมง
  • มาจากแบรนด์ Xiaomi ที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยี

เหมาะสำหรับ: ห้องขนาดกลางถึงใหญ่ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบสินค้าจากแบรนด์ Xiaomi และต้องการเครื่องที่มีเทคโนโลยีทันสมัย

เปรียบเทียบเครื่องดูดความชื้นทั้ง 10 รุ่น

รุ่น ราคา (บาท) ประสิทธิภาพดูดความชื้น ความจุถังน้ำ พื้นที่ใช้งาน กำลังไฟ คะแนนรีวิว
Bwell BDH-26 13,791 26 ลิตร/วัน 4.2 ลิตร 20-40 ตร.ม. 285W 4.2/5
HAFELE ECOM-292 2,630 750 มล./วัน 2 ลิตร 20 ตร.ม. 45W 4.9/5
SHARP DW-D20A-W 11,990 ไม่ระบุ 4.2 ลิตร 50 ตร.ม. 270W 5.0/5
JD406 891 350 มล./วัน 1 ลิตร 5-26 ตร.ม. 36W 4.8/5
LENODI 1,024 12 ลิตร/วัน 2.2 ลิตร ไม่ระบุ 65W 4.5/5
SIMPLUS 1,599 0.38 ลิตร/วัน 2.5 ลิตร 40 ตร.ม. 65W 4.9/5
KASHIWA HC-101 1,406 0.38 ลิตร/วัน 2.5 ลิตร 25 ตร.ม. 60W 4.8/5
KASHIWA HC-102 831 100 มล./วัน 1.2 ลิตร 10-30 ตร.ม. 30W 4.9/5
Deerma CS50M 499 ใช้เม็ดดูดความชื้น ไม่มีถังน้ำ ≤5 ตร.ม. 20W 4.8/5
Xiaomi Douhe 1,949 ไม่ระบุ 2 ลิตร 50 ตร.ม. 65W 4.9/5

สรุป: เครื่องดูดความชื้นรุ่นไหนที่เหมาะกับคุณ

การเลือกเครื่องดูดความชื้นให้เหมาะกับความต้องการนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งขนาดพื้นที่ใช้งาน ระดับความชื้นในพื้นที่ งบประมาณ และฟังก์ชั่นเสริมที่ต้องการ จากการรีวิวทั้ง 10 รุ่นข้างต้น เราสามารถแนะนำได้ดังนี้:

สำหรับห้องขนาดใหญ่ (30 ตร.ม. ขึ้นไป)

  • แนะนำ: Bwell BDH-26, SHARP DW-D20A-W, Xiaomi Douhe
  • เครื่องเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการดูดความชื้นสูง เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ แม้จะมีราคาสูงกว่า แต่คุ้มค่าในระยะยาวเพราะสามารถลดความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับห้องขนาดกลาง (10-30 ตร.ม.)

  • แนะนำ: HAFELE ECOM-292, LENODI, KASHIWA HC-101
  • เครื่องในกลุ่มนี้มีราคาปานกลาง ประสิทธิภาพการดูดความชื้นเพียงพอสำหรับห้องขนาดกลาง และมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน

สำหรับห้องขนาดเล็ก (ไม่เกิน 10 ตร.ม.)

  • แนะนำ: JD406, KASHIWA HC-102, Deerma CS50M
  • เครื่องในกลุ่มนี้มีราคาประหยัด ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก หรือพื้นที่เฉพาะจุดที่มีปัญหาความชื้น

สำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชั่นฟอกอากาศด้วย

  • แนะนำ: SHARP DW-D20A-W, JD406
  • เครื่องเหล่านี้มาพร้อมกับฟังก์ชั่นฟอกอากาศเพิ่มเติม ช่วยกำจัดเชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด

  • แนะนำ: Deerma CS50M, JD406, KASHIWA HC-102
  • เครื่องในกลุ่มนี้มีราคาต่ำกว่า 1,000 บาท แต่ยังคงมีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก

สำหรับพื้นที่เฉพาะจุด เช่น ตู้เสื้อผ้า ตู้รองเท้า

  • แนะนำ: Deerma CS50M
  • เครื่องนี้มีขนาดเล็กที่สุด ใช้เทคโนโลยีเม็ดดูดความชื้นแบบรีไซเคิล เหมาะสำหรับพื้นที่เฉพาะจุดที่ต้องการลดความชื้น

ข้อควรรู้ในการใช้งานเครื่องดูดความชื้น

  1. การวางตำแหน่งเครื่องดูดความชื้น

ควรวางเครื่องในตำแหน่งที่อากาศสามารถไหลเวียนได้ดี ไม่มีสิ่งกีดขวาง และควรวางห่างจากผนังอย่างน้อย 20-30 เซนติเมตร เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. การบำรุงรักษาเครื่องดูดความชื้น
  • ทำความสะอาดถังเก็บน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา
  • ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตแนะนำ
  • ตรวจสอบและทำความสะอาดช่องระบายอากาศเพื่อไม่ให้มีฝุ่นอุดตัน
  • หากไม่ใช้งานเป็นเวลานาน ควรเทน้ำออกจากถังให้หมด และเช็ดให้แห้งก่อนเก็บ
  1. คำแนะนำในการใช้งาน
  • ควรปิดประตูและหน้าต่างห้องขณะใช้งานเครื่องดูดความชื้น เพื่อให้เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระดับความชื้นที่เหมาะสมในห้องควรอยู่ที่ประมาณ 40-60% RH
  • ควรปิดเครื่องก่อนเทน้ำออกจากถังเก็บน้ำ
  • หากใช้งานในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ ควรเลือกเครื่องที่มีฟังก์ชั่นละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ

การลดความชื้นในบ้านอย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้นเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงช่วยให้สภาพแวดล้อมในบ้านน่าอยู่และส่งผลดีต่อสุขภาพของผู้อาศัยอีกด้วย หวังว่าบทความรีวิวนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกเครื่องดูดความชื้นที่เหมาะกับความต้องการของคุณได้อย่างแม่นยำมากขึ้น