
ในยุคที่มลภาวะทางอากาศกลายเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีฝุ่น PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน การมีเครื่องฟอกอากาศไว้ในบ้านจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดูแลสุขภาพของคนในครอบครัว เครื่องฟอกอากาศมีหน้าที่หลักในการกรองฝุ่นละออง เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ช่วยให้อากาศภายในบ้านสะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น
บทความนี้จะรวบรวม 10 เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน พร้อมแนะนำวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับการใช้งาน ทั้งบ้านขนาดเล็ก ห้องนอน สำนักงาน หรือพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ
วิธีการเลือกเครื่องฟอกอากาศ
การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสักเครื่องนั้น ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เพื่อให้ได้เครื่องที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
1 พิจารณาขนาดพื้นที่ห้องที่ต้องการใช้งาน
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือขนาดของห้องที่คุณต้องการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ โดยเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นจะระบุขนาดพื้นที่ใช้งานที่เหมาะสม เช่น 20-30 ตารางเมตร หรือ 40-60 ตารางเมตร หากคุณเลือกเครื่องที่มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น อาจทำให้สิ้นเปลืองค่าไฟโดยไม่จำเป็น แต่หากเลือกเครื่องที่เล็กเกินไป ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศก็จะไม่ดีเท่าที่ควร
ควรเลือกเครื่องที่มีขนาดพื้นที่ใช้งานใกล้เคียงหรือมากกว่าขนาดห้องของคุณเล็กน้อย เพื่อให้เครื่องสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ความสูงของเพดานก็มีผลต่อการเลือกเครื่องฟอกอากาศด้วย หากห้องของคุณมีเพดานสูง ควรเลือกเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีกระดับ
2 ตรวจสอบค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ให้เหมาะสม
ค่า CADR คือค่าที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการกรองอากาศของเครื่องฟอกอากาศ โดยมีหน่วยเป็นลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง (m³/h) ยิ่งค่า CADR สูง ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศยิ่งดี เครื่องสามารถกรองอากาศได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีค่า CADR ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง โดยทั่วไปแล้ว ควรเลือกเครื่องที่มีค่า CADR อย่างน้อย 2 เท่าของขนาดห้อง (ตารางเมตร) เช่น หากห้องมีขนาด 25 ตารางเมตร ควรเลือกเครื่องที่มีค่า CADR อย่างน้อย 250 m³/h เพื่อให้เครื่องสามารถหมุนเวียนและฟอกอากาศได้อย่างทั่วถึง
3 เลือกประเภทของแผ่นกรองที่เหมาะกับการใช้งาน
เครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีระบบกรองที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปนิยมใช้ระบบกรองหลายชั้น ได้แก่
แผ่นกรองชั้นแรก (Pre-filter) ทำหน้าที่กรองฝุ่นขนาดใหญ่ เส้นผม และขนสัตว์ สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้
แผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air) เป็นแผ่นกรองมาตรฐานที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% รวมถึงฝุ่น PM 2.5 ละอองเกสร และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ
แผ่นกรองคาร์บอน (Activated Carbon Filter) ช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ สารเคมี ควันบุหรี่ และสารระเหยต่างๆ
ระบบฟอกอากาศขั้นสูง เช่น ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ (Plasmacluster) ของ Sharp, ระบบไอออน (Ion) หรือเทคโนโลยีเฉพาะอื่นๆ ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรีย ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ
ควรเลือกเครื่องที่มีระบบกรองเหมาะสมกับความต้องการของคุณ เช่น หากมีผู้ป่วยภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจในบ้าน ควรเลือกเครื่องที่มีประสิทธิภาพในการกรอง PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้สูง หรือหากมีปัญหาเรื่องกลิ่น ควรเลือกเครื่องที่มีแผ่นกรองคาร์บอนคุณภาพดี
4 คำนึงถึงการใช้พลังงานและระดับเสียงขณะทำงาน
เครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเปิดใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน จึงควรเลือกเครื่องที่ประหยัดพลังงาน โดยสังเกตจากฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หรือกำลังไฟที่ใช้ (วัตต์) นอกจากนี้ ระดับเสียงขณะทำงานก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะหากต้องการใช้ในห้องนอนหรือห้องทำงาน
เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีระดับเสียงขณะทำงานที่เงียบ โดยในโหมดการทำงานปกติไม่ควรเกิน 50 เดซิเบล และในโหมดกลางคืนหรือโหมดเงียบไม่ควรเกิน 30 เดซิเบล เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนหรือการทำงาน
5 พิจารณาฟังก์ชันพิเศษและความสะดวกในการใช้งาน
ปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศมีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพในการใช้งาน ฟังก์ชันพิเศษที่น่าสนใจ ได้แก่
เซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศอัตโนมัติ ช่วยให้เครื่องปรับระดับการทำงานให้เหมาะสมกับคุณภาพอากาศในขณะนั้น
การแสดงผลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ แสดงค่า PM 2.5 หรือคุณภาพอากาศในห้อง ทำให้ทราบสถานการณ์ของอากาศได้ตลอดเวลา
โหมดการทำงานอัตโนมัติและตั้งเวลา ช่วยให้เครื่องทำงานอย่างเหมาะสมและประหยัดพลังงาน
การควบคุมผ่านแอปพลิเคชันมือถือ สามารถควบคุมการทำงานและตรวจสอบคุณภาพอากาศได้จากระยะไกล
ไฟแสดงสถานะการเปลี่ยนแผ่นกรอง ช่วยเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรอง เพื่อรักษาประสิทธิภาพของเครื่อง
ควรเลือกฟังก์ชันที่จำเป็นและเหมาะสมกับการใช้งานของคุณ ไม่จำเป็นต้องเลือกเครื่องที่มีฟังก์ชันครบทุกอย่างหากคุณไม่ได้ใช้งานจริง เพราะจะทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น
10 เครื่องฟอกอากาศใช้ดี
NO 1 Dyson Pure Cool™ Air Purifier Fan TP00 (White/Silver) เครื่องฟอกอากาศ ไดสัน สีขาว

คะแนน: 4.9/5 (618 รีวิว) ราคา: 14,155 บาท
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- ดีไซน์ทันสมัยไม่มีใบพัด ปลอดภัยและทำความสะอาดง่าย
- ระบบกรอง 360° Glass HEPA Filter และ Activated graphite
- สามารถกรองอนุภาคระดับ PM 0.1 (0.1 ไมครอน) ได้ถึง 99.95%
- เทคโนโลยี Air Multiplier ช่วยกระจายลมพุ่งตรงและนุ่มนวล
- หมุนส่ายได้ 70 องศา กระจายอากาศบริสุทธิ์ได้ทั่วห้อง
- รีโมทแบบโค้งมีแม่เหล็ก สามารถติดกับตัวเครื่องได้
- ปรับความแรงลมได้ 10 ระดับ กระจายอากาศได้สูงสุด 412 ลิตรต่อวินาที
- ระดับเสียงสูงสุด 62 เดซิเบล
- การใช้พลังงาน: 6W (ต่ำสุด) ถึง 56W (สูงสุด)
- รับประกัน 2 ปี
ความคิดเห็น: Dyson Pure Cool™ เป็นเครื่องฟอกอากาศที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัย ไม่มีใบพัดทำให้ปลอดภัยสำหรับบ้านที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง นอกจากจะทำหน้าที่ฟอกอากาศแล้วยังเป็นพัดลมไร้ใบพัดได้ในตัว เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งปี แม้จะมีราคาสูงกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่วไป แต่ด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพที่ได้รับ รวมถึงดีไซน์ที่สวยงาม ทำให้คุ้มค่ากับการลงทุน
NO 2 ELECTROLUX รุ่น EP72-46DGA เครื่องฟอกอากาศ ขนาดห้อง 43 ตารางเมตร

คะแนน: 5.0/5 (1 รีวิว) ราคา: 17,740 บาท
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- รวม 3 การทำงานในเครื่องเดียว: ฟอกอากาศ, เพิ่มความชื้น และพัดลม
- อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) 350 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
- เซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นละออง PM1, 2.5 และ 10 กรองละเอียดถึง 0.3 ไมครอน
- ระบบกรอง 5 ขั้นตอน (Pre-filter, Anti-bacterial HEPA, HEPA13, Activated Carbon และ Ionizer)
- ควบคุมความชื้นได้ 3 ระดับ (40%, 50% และ 60%) พร้อมถังบรรจุน้ำ 3.6 ลิตร
- ปรับความแรงพัดลมได้ 5 ระดับ 3 ทิศทาง
- ควบคุมและมอนิเตอร์คุณภาพอากาศผ่านแอปมือถือได้
- มีโหมดอัจฉริยะ (Smart Mode) และโหมดปรับด้วยตนเอง (Manual)
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 43 ตารางเมตร
ความคิดเห็น: ELECTROLUX EP72-46DGA เป็นเครื่องฟอกอากาศระดับพรีเมียมที่รวมฟังก์ชันการทำงานถึง 3 อย่างไว้ในเครื่องเดียว ทั้งฟอกอากาศ เพิ่มความชื้น และพัดลม จุดเด่นอยู่ที่ระบบกรองที่ครบถ้วนถึง 5 ขั้นตอน และเทคโนโลยี PureZen ที่ช่วยปรับสมดุลความชื้นให้เหมาะสม เหมาะสำหรับบ้านที่ต้องการเครื่องที่ทำงานได้หลากหลาย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอากาศแห้ง แม้จะมีราคาสูง แต่ด้วยฟังก์ชันที่ครบครันและคุณภาพของแบรนด์ ELECTROLUX ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง
NO 3 Xiaomi Mi Air Purifier 4 Series (4/4Pro/4Lite/4Compact/AOE) เครื่องฟอกอากาศ PM 2.5

คะแนน: 4.9/5 (650 รีวิว) ราคา: 4,635 บาท
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- มีให้เลือกหลายรุ่นตามความเหมาะสมของขนาดห้องและการใช้งาน
- รุ่น 4 Pro มีประสิทธิภาพการกรองสูงสุด เหมาะกับห้องขนาดใหญ่
- รุ่น 4 Lite เหมาะกับห้องขนาดกลาง
- รุ่น 4 Compact ขนาดเล็ก เหมาะกับห้องขนาดเล็กหรือพื้นที่จำกัด
- รุ่น AOE เป็นรุ่นพกพา ใช้ได้ทั้งในบ้าน สำนักงาน หรือในรถยนต์
- เทคโนโลยีการสร้างอนุภาคคอมโพสิตแบบแอคทีฟ ช่วยกำจัดเชื้อโรคในอากาศ
- ระบบกรองอากาศมีประสิทธิภาพสูง กรองได้ทั้งฝุ่น PM 2.5, กลิ่น และสารก่อภูมิแพ้
- ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home ได้
- ดีไซน์เรียบง่าย ทันสมัย ใช้งานง่าย
- ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพ
- รับประกันศูนย์ไทย 1 ปี
ความคิดเห็น: Xiaomi Mi Air Purifier 4 Series เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ได้รับความนิยมอย่างมากในไทย ด้วยคุณภาพที่ดี ราคาที่เข้าถึงได้ และฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน มีให้เลือกหลายรุ่นตามความเหมาะสมของพื้นที่ใช้งาน การกรองอากาศมีประสิทธิภาพสูง สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี ข้อดีอีกอย่างคือระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์และการควบคุมผ่านแอป ทำให้สะดวกในการใช้งาน เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพดีในราคาที่จับต้องได้
NO 4 Xiaomi Smart Air Purifier 4 Lite เครื่องฟอกอากาศ กรองฝุ่น PM 2.5

คะแนน: 4.9/5 (20 รีวิว) ราคา: 4,640 บาท
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- ผลิตอากาศบริสุทธิ์ได้มากถึง 6,330 ลิตรต่อนาที
- CADR 380 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง กรองฝุ่น, ควันบุหรี่ และเกสรดอกไม้ได้อย่างรวดเร็ว
- ระบบกรองอากาศแบบ 360° ทำงานได้มีประสิทธิภาพไม่ว่าจะตั้งไว้ตำแหน่งใดในห้อง
- กรองสารฟอร์มาลดีไฮด์ได้สูงสุดถึง 120 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง
- เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาด 26-45 ตารางเมตร
- ไส้กรองเคลือบสารป้องกันและกำจัดแบคทีเรียได้ถึง 99.99%
- กรองฝุ่น PM 2.5, ขนสัตว์, เกสรดอกไม้, กลิ่นสัตว์เลี้ยง และกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ขนาดเล็กไม่เกะกะ ใช้พื้นที่เทียบเท่ากระดาษ A4
- ออกแบบให้ทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองได้ง่าย
- เสียงเงียบเพียง 35.8 dB ไม่รบกวนการนอน
- หน้าจอ LED แสดงปริมาณฝุ่น, อุณหภูมิ และความชื้นในห้อง
- เซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน
- ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home ได้
- รับประกันศูนย์ไทย 1 ปี
ความคิดเห็น: Xiaomi Smart Air Purifier 4 Lite เป็นอีกหนึ่งรุ่นยอดนิยมในตระกูล Xiaomi Air Purifier ด้วยประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่สูง (CADR 380 m³/h) ทำให้สามารถกรองอากาศในห้องขนาดกลางถึงใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับบ้านหรือสำนักงานที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ จุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์ที่เรียบง่าย ขนาดกะทัดรัด การทำงานเงียบ และฟังก์ชันอัจฉริยะที่ควบคุมผ่านแอปได้ แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด แต่ประสิทธิภาพไม่แพ้เครื่องฟอกอากาศระดับพรีเมียม จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีในงบประมาณที่จำกัด
NO 5 Philips Air Purifier เครื่องฟอกอากาศ AC1715/21 สำหรับห้องขนาด 25-78 ตร.ม.

คะแนน: 4.9/5 (1,800 รีวิว) ราคา: 8,570 บาท
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- ฟอกอากาศบริสุทธิ์ได้รวดเร็วในเวลาไม่เกิน 10 นาที
- อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) 300 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
- สามารถกำจัดไวรัส สารก่อภูมิแพ้ และมลพิษได้ถึง 99.9%
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 25-78 ตารางเมตร
- มีแผ่นกรอง HEPA และผงถ่านกัมมันต์คุณภาพสูง
- สามารถเชื่อมต่อกับแอป CleanHome+ เพื่อควบคุมและตรวจสอบคุณภาพอากาศได้
- การใช้พลังงาน: 20 วัตต์
- ระดับเสียง: 30 เดซิเบล (โหมดเงียบ)
- รับประกัน 2 ปี
ความคิดเห็น: Philips Air Purifier AC1715/21 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ได้รับความนิยมสูงมากจากผู้ใช้จริง ด้วยประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่ดีเยี่ยมและการใช้งานที่ง่าย เครื่องสามารถกำจัดมลพิษในอากาศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ด้วยค่า CADR 300 m³/h ทำให้เหมาะสำหรับห้องขนาดกลางถึงใหญ่ จุดเด่นอยู่ที่ระบบกรองที่มีประสิทธิภาพและการทำงานที่เงียบ เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องนอนหรือห้องทำงานที่ต้องการความเงียบ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันอัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับแอป ช่วยให้ควบคุมและตรวจสอบคุณภาพอากาศได้ง่ายขึ้น ด้วยราคาที่สมเหตุสมผลและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับทุกครัวเรือน
NO 6 Sharp รุ่น FU-A80TA เครื่องฟอกอากาศ ชาร์ป ขนาดห้อง 62 ตร.ม. สีขาว

คะแนน: 4.8/5 (6 รีวิว) ราคา: 7,890 บาท
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น (Plasmacluster) พ่นอนุภาคบวกและลบ ฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย
- สามารถฆ่าเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศและสลายกลิ่นอับชื้น
- สลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น
- แผ่นกรอง 2 ประสิทธิภาพ: แผ่นกรองฝุ่น HEPA และแผ่นกรองกลิ่น
- แผ่นกรอง HEPA สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97%
- ระบบทำงานแบบ Ion Shower เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์
- มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น พร้อมไฟแสดงสภาวะความสะอาดของอากาศ (Clean Sign)
- ปรับความแรงพัดลมได้ 4 ระดับ (อัตโนมัติ, แรงสุด, ปานกลาง, เบา)
- สามารถเลือกเปิด/ปิด การทำงานของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ได้
- แผ่นกรองฝุ่นและแผ่นกรองกลิ่นมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 62 ตารางเมตร
- รับประกันศูนย์บริการชาร์ปไทยทั่วประเทศ 1 ปี
ความคิดเห็น: Sharp FU-A80TA เป็นเครื่องฟอกอากาศที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ (Plasmacluster) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Sharp ทำให้สามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา และแบคทีเรียในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องรุ่นนี้เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ถึง 62 ตารางเมตร จึงตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่กว้าง เช่น ห้องนั่งเล่นหรือสำนักงาน ระบบกรองประสิทธิภาพสูงสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และสารก่อภูมิแพ้ได้ดี อีกทั้งยังมีระบบ Ion Shower ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ในราคาที่ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับขนาดห้องที่รองรับ ทำให้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับพื้นที่ขนาดใหญ่
NO 7 TOSHIBA รุ่น CAF-H20(W) เครื่องฟอกอากาศ 24 ตารางเมตร

คะแนน: 5.0/5 (1 รีวิว) ราคา: ไม่ระบุ
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- กำลังไฟฟ้า 60 วัตต์
- ชุดกรองอากาศ 3 ชั้น: Pre-Filter + HEPA + CARBON
- ปล่อยไอออนประจุลบเพื่อดักจับฝุ่นในอากาศ
- ปรับความแรงได้ 4 ระดับ กรองอากาศในห้องได้อย่างรวดเร็ว
- อัตราการผลิตอากาศบริสุทธิ์ (CADR) 2000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
- มีโปรแกรมประหยัดพลังงาน (SLEEP)
- โหมดแรงลมพิเศษ (TURBO MODE)
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 24 ตารางเมตร
- รับประกันสินค้า 2 ปี
- รับประกันมอเตอร์ 5 ปี
ความคิดเห็น: TOSHIBA CAF-H20(W) เป็นเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสำหรับห้องขนาดกลาง (24 ตร.ม.) โดดเด่นด้วยระบบกรอง 3 ชั้นที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นและกลิ่น โดยเฉพาะแผ่นกรอง HEPA ที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ดี มีค่า CADR สูงถึง 2000 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง ทำให้สามารถฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีโหมดประหยัดพลังงานและโหมดเทอร์โบที่เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งาน การรับประกันมอเตอร์ถึง 5 ปีสะท้อนถึงความมั่นใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความคงทนในระยะยาว
NO 8 Xiaomi Smart Air Purifier 4 Compact (Global Version) เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็ก

คะแนน: 5.0/5 (28 รีวิว) ราคา: 2,999 บาท
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- ขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด
- ระบบกรองอากาศมีประสิทธิภาพสูง สามารถกำจัดสารก่อภูมิแพ้
- ควบคุมอัจฉริยะผ่านแอปพลิเคชัน
- ตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์
- มอเตอร์ DC ไร้แปรงถ่านที่เงียบเป็นพิเศษ
- อนุภาค CADR: 230 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
- พื้นที่ครอบคลุม: 16-27 ตารางเมตร
- ประสิทธิภาพพื้นที่: 76 ตารางเมตร/ชั่วโมง
- อายุการใช้งานตัวกรอง: 6-12 เดือน
- ระดับเสียง: 18.3-47.4 เดซิเบล(A)
- กำลังไฟ: 27 วัตต์
- เชื่อมต่อ: Wi-Fi 2.4 GHz
- รับประกันศูนย์ไทย 1 ปี
ความคิดเห็น: Xiaomi Smart Air Purifier 4 Compact เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กถึงกลาง (16-27 ตร.ม.) โดดเด่นด้วยขนาดที่กะทัดรัดแต่ยังคงมีประสิทธิภาพการกรองที่ดี ด้วยค่า CADR 230 m³/h สามารถฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับห้องนอน ห้องทำงาน หรือพื้นที่ที่มีข้อจำกัดด้านขนาด การทำงานเงียบเป็นพิเศษทำให้ไม่รบกวนการนอนหรือการทำงาน สามารถควบคุมผ่านแอปพลิเคชันได้ง่าย ในราคาที่ต่ำกว่า 3,000 บาท นับว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ามากสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัดแต่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ
NO 9 PHILIPS รุ่น AC0650/10 เครื่องฟอกอากาศ สำหรับขนาดห้อง 44 ตร.ม.

คะแนน: 5.0/5 (115 รีวิว) ราคา: ไม่ระบุ
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- กำลังไฟเพียง 12 วัตต์ (ขณะสแตนด์บาย 1 วัตต์)
- เหมาะสำหรับห้องขนาดสูงสุด 44 ตารางเมตร
- แผ่นกรองชั้นแรกเป็นชนิด HEPA
- ระบบกรองอนุภาค 99.97% ที่ 0.003 ไมครอน
- ระบบกรองสารก่อภูมิแพ้ 99.99%
- ระบบกรองไวรัสและละอองลอย 99%
- CADR (อนุภาค) 170 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง
- ตั้งค่าความเร็วได้ 3 แบบ (หลับ, ปานกลาง, เทอร์โบ)
- ระดับเสียงต่ำสุด (โหมดหลับ) เพียง 19 dB
- ระดับเสียงสูงสุด (โหมดเทอร์โบ) 49 dB
- ความยาวสายไฟ 1.6 เมตร
- รับประกัน 2 ปี โดยศูนย์บริการ Philips ทั่วประเทศ
ความคิดเห็น: PHILIPS AC0650/10 เป็นเครื่องฟอกอากาศที่โดดเด่นด้วยประสิทธิภาพสูงในการกำจัดอนุภาคขนาดเล็กและสารก่อภูมิแพ้ สามารถกรองอนุภาคได้เล็กถึง 0.003 ไมครอน ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ การใช้พลังงานต่ำเพียง 12 วัตต์ ทำให้ประหยัดค่าไฟได้มาก แม้จะเปิดใช้งานตลอดเวลา ระดับเสียงในโหมดหลับเพียง 19 dB ทำให้แทบไม่ได้ยินเสียงขณะนอนหลับ คุณภาพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์ PHILIPS ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงสำหรับห้องขนาดกลาง
NO 10 SHARP รุ่น FP-J30TA-P เครื่องฟอกอากาศ สีชมพู

คะแนน: 4.9/5 (14 รีวิว) ราคา: 4,190 บาท
จุดเด่นของผลิตภัณฑ์:
- ระบบพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น ช่วยฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา แบคทีเรีย
- ทดสอบแล้วสามารถทำลายเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้
- ระบบ 3 ขั้นตอนในการกรองฝุ่น: ลบล้าง, พลังลม, กำจัด
- มีฟังก์ชันตั้งเวลาปิดเครื่อง (4 หรือ 8 ชั่วโมง)
- ดีไซน์โค้งมน ปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก
- แผ่นกรองฝุ่น (HEPA Filter) มีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี
- มีให้เลือกหลายสี รวมถึงสีชมพูสวยงาม
- ขนาดกะทัดรัด 411 x 431 x 211 มม.
- น้ำหนักเพียง 4 กก. เคลื่อนย้ายสะดวก
- ปริมาณอากาศหมุนเวียน (สูง/ปานกลาง/เบา): 180/120/60 ลบ.ม./ชม.
- กำลังไฟ (สูง/ปานกลาง/เบา): 50/30/13 วัตต์
- ระดับเสียง (สูง/ปานกลาง/เบา): 44/36/23 เดซิเบล
- เหมาะสำหรับห้องขนาด 23 ตารางเมตร
- รับประกันศูนย์บริการชาร์ปไทย 1 ปี
ความคิดเห็น: SHARP FP-J30TA-P เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดกะทัดรัดที่เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กถึงกลาง (23 ตร.ม.) โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในอากาศ ดีไซน์สวยงามและมีให้เลือกหลายสี เช่น สีชมพู ทำให้เข้ากับการตกแต่งห้องได้ดี น้ำหนักเบาและขนาดเล็กทำให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้ได้หลายห้อง ระดับเสียงในโหมดเบาเพียง 23 dB ไม่รบกวนการนอนหลับ ในราคาไม่ถึง 5,000 บาท ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับห้องขนาดเล็ก
สรุป เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี เหมาะกับการใช้งานประเภทไหน
จากการรวบรวมข้อมูลและรีวิวของเครื่องฟอกอากาศทั้ง 10 รุ่น เราสามารถสรุปได้ว่าเครื่องฟอกอากาศแต่ละยี่ห้อและรุ่นมีจุดเด่นและความเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้
- เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ (40ตร.ม. ขึ้นไป)
- ELECTROLUX EP72-46DGA: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องที่มีฟังก์ชันครบทั้งฟอกอากาศ เพิ่มความชื้น และพัดลม
- Sharp FU-A80TA: เน้นประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคด้วยระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่ถึง 62 ตร.ม.
- Philips Air Purifier AC1715/21: ฟอกอากาศรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับห้องขนาด 25-78 ตร.ม.
- เหมาะสำหรับห้องขนาดกลาง (20-40ตร.ม.)
- Xiaomi Smart Air Purifier 4 Lite: ประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ เหมาะสำหรับห้องขนาด 26-45 ตร.ม.
- PHILIPS AC0650/10: มีประสิทธิภาพสูงในการกรองอนุภาคขนาดเล็กและใช้พลังงานต่ำ เหมาะสำหรับห้องขนาด 44 ตร.ม.
- TOSHIBA CAF-H20(W): ค่า CADR สูง ฟอกอากาศได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับห้องขนาด 24 ตร.ม.
- เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก (ไม่เกิน20 ตร.ม.) หรือมีพื้นที่จำกัด
- Xiaomi Smart Air Purifier 4 Compact: ขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะสำหรับห้องขนาด 16-27 ตร.ม.
- SHARP FP-J30TA-P: ดีไซน์สวยงาม ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับห้องขนาด 23 ตร.ม.
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟังก์ชันพิเศษ
- Dyson Pure Cool™ TP00: รวมฟังก์ชันพัดลมและเครื่องฟอกอากาศไว้ในเครื่องเดียว ดีไซน์ทันสมัย
- ELECTROLUX EP72-46DGA: มีฟังก์ชันเพิ่มความชื้นและพัดลม เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีอากาศแห้ง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
- Xiaomi Smart Air Purifier 4 Compact: ราคาต่ำกว่า 3,000 บาท แต่มีประสิทธิภาพดี
- SHARP FP-J30TA-P: ราคาประมาณ 4,000 บาท มีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์
ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ นอกจากจะพิจารณาจากขนาดห้อง ประสิทธิภาพ และราคาแล้ว ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในระยะยาวด้วย เช่น ค่าไฟฟ้า และค่าเปลี่ยนแผ่นกรอง โดยเฉพาะอายุการใช้งานของแผ่นกรองและราคาแผ่นกรองทดแทน ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูงในบางรุ่น
เครื่องฟอกอากาศที่ดีควรมีประสิทธิภาพในการกรองอากาศที่เหมาะสมกับขนาดห้อง มีระดับเสียงที่ไม่รบกวน ประหยัดพลังงาน และมีค่าบำรุงรักษาที่ไม่สูงจนเกินไป การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดีถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่คุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อาศัยในเมืองใหญ่หรือพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง