DHA เด็ก บำรุงสมอง ยี่ห้อไหนดี

DHA เด็กเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสำหรับพ่อแม่ที่ใส่ใจในพัฒนาการของลูก ต้องการเสริมสร้างความฉลาด สมาธิ และความจำให้ดีขึ้น ด้วยสารสำคัญ DHA (กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก) ที่จำเป็นต่อการพัฒนาสมองและสายตา ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้

DHA เด็กมีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและสมอง สามารถช่วยเสริมสร้างความจำ สมาธิ การเรียนรู้ และพัฒนาการทางสายตา โดยสามารถให้เด็กทานได้ตั้งแต่วัย 6 เดือน และที่สำคัญคือผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีรสชาติที่เด็กชอบ เช่น รสส้ม รสสตรอว์เบอรี่ ทำให้ทานง่าย

บทความนี้ เราได้รวบรวม วิธีการเลือก DHA เด็ก ให้เหมาะกับวัยและความต้องการของลูก และ 9 แบรนด์ DHA เด็ก ยี่ห้อยอดนิยม พร้อมคุณสมบัติเด่นต่างๆ ที่น่าสนใจมาแนะนำ เพื่อให้คุณเลือกซื้อได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด

วิธีการเลือก DHA เด็ก

การเลือก DHA เด็กให้เหมาะกับลูก ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1. พิจารณาปริมาณ DHA ต่อแคปซูล

ปริมาณ DHA เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการบำรุงสมอง การเลือกรุ่นที่มี DHA ปริมาณเหมาะสมจะช่วยให้ลูกได้รับประโยชน์สูงสุด

• DHA 100-150 มก. เหมาะสำหรับเด็กเล็ก อายุ 6 เดือน – 2 ปี สำหรับพัฒนาการเบื้องต้น
• DHA 200-350 มก. เหมาะสำหรับเด็กวัยเรียน อายุ 3-12 ปี ช่วยเพิ่มสมาธิและความจำ
• DHA 400+ มก. เหมาะสำหรับเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่ต้องการบำรุงสมองเข้มข้น

2. ตรวจสอบแหล่งที่มาของ DHA

แหล่งที่มาของ DHA มีผลต่อคุณภาพและความปลอดภัย โดยควรพิจารณาดังนี้

• น้ำมันปลาทะเลน้ำลึก เป็นแหล่ง DHA ธรรมชาติที่ดีที่สุด มีคุณภาพสูง
• น้ำมันสาหร่าย (Algal Oil) เหมาะสำหรับเด็กที่แพ้ปลา ปลอดสารปรอท
• น้ำมันปลาสกัดเย็น ช่วยรักษาคุณค่าสารอาหารได้ดีกว่าการสกัดแบบใช้ความร้อน

3. พิจารณาความปลอดภัยและการรับรอง

ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผลิตภัณฑ์เด็ก

• ใบอนุญาต อย. ตรวจสอบให้มีใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
• การทดสอบโลหะหนัก ควรผ่านการทดสอบปรอท แคดเมียม ตะกั่ว สารหนู
• มาตรฐานสากล เช่น GMP, HACCP, ISO เพื่อประกันคุณภาพ
• การรับรอง Halal สำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจด้านศาสนา

4. พิจารณารูปแบบและรสชาติ

รูปแบบผลิตภัณฑ์และรสชาติมีผลต่อการยอมรับของเด็ก

• แคปซูลนิ่มเคี้ยวได้ เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่กลืนยาไม่ได้
• แคปซูลธรรมดา สำหรับเด็กโตที่กลืนยาได้แล้ว
• รสชาติหวาน เช่น รสส้ม สตรอว์เบอรี่ ช่วยให้เด็กชอบทาน
• ไม่มีกลิ่นคาว สำคัญมากสำหรับเด็กที่ไม่ชอบกลิ่นปลา

5. ตรวจสอบส่วนผสมเสริมและวิตามิน

ส่วนผสมเสริมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณประโยชน์

• วิตามินอี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการเสื่อมของ DHA
• วิตามินบีรวม ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
• ลูทีนและซีแซนทีน บำรุงสายตาและจอประสาทตา
• โอเมก้า 3, 6, 9 เสริมการทำงานของสมองอย่างครบถ้วน

9 แบรนด์ DHA เด็ก ยี่ห้อไหนดี บำรุงสมองได้ผล ราคาดี

ผลิตภัณฑ์ DHA เด็กต่อไปนี้ ได้รับความนิยมและมาจากหลากหลายแบรนด์ที่มีคุณภาพ โดยแบรนด์ไหนจะตรงกับความต้องการของลูกมากที่สุด สามารถเลือกได้จากข้อมูลดังต่อไปนี้

No.1 Blackmores Omega Triple Daily (60 caps) โอเมก้า ทริปเปิ้ล เดลี

ราคาอ้างอิง

999 บาท

ราคาปานกลาง

DHA เข้มข้น 360 มก. EPA 540 มก. ไม่มีกลิ่นคาว จากแบรนด์ออสเตรเลีย

• โอเมก้า-3 เข้มข้น 930 มก. ต่อแคปซูล ให้ประโยชน์เป็น 3 เท่าของสูตรมาตรฐาน
• ผ่านการตรวจสอบปริมาณสารปรอทและตะกั่ว รับประกันความปลอดภัย
• ไม่มีกลิ่นคาว (Odourless) เด็กทานง่าย ไม่คลื่นไส้
• มาจากแบรนด์ออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

คุณสมบัติ	รายละเอียด
DHA	360 มก./แคปซูล
EPA	540 มก./แคปซูล
โอเมก้า-3 รวม	930 มก./แคปซูล
ประเทศต้นกำเนิด	ออสเตรเลีย
เลขอย.	10-3-08338-5-0016

No.2 Auswelllife DHA Algal Oil วิตามินเด็ก เสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงสมอง

ราคาอ้างอิง

390-1,950 บาท

ราคาต่ำ-ปานกลาง

สูตรน้ำมันสาหร่าย DHA 350 มก. เหมาะสำหรับเด็กแพ้ปลา กลิ่นส้ม

• สูตรเข้มข้นใหม่ น้ำมันสาหร่ายสกัดบริสุทธิ์ เพิ่ม DHA เป็น 140 มก. และ EPA 70 มก.
• เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่ 6 เดือน สูตรปลอดปลา สำหรับเด็กแพ้ปลาทะเล
• รสส้มหวาน ทานง่าย ผสมนมหรือน้ำผลไม้ได้
• Medical Grade เกรดเทียบเท่ายา

คุณสมบัติ	รายละเอียด
DHA (สูตรใหม่)	350 มก./แคปซูล
EPA	70 มก./แคปซูล
แหล่งที่มา	น้ำมันสาหร่าย (Algal Oil)
รสชาติ	ส้ม
เลขอย.	10-3-16261-5-0031

No.3 Dr. PONG Daily Omega 3 Odourless Fish Oil 1000 mg plus Vitamin E

ราคาอ้างอิง

1,000 บาท

ราคาสูง

คุ้มค่าที่สุด โอเมก้า-3 350 มก. DHA 120 มก. EPA 180 มก.

• ราคาโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่ คุ้มค่าเป็นอันดับ 1
• บำรุงสมอง ชะลอความจำเสื่อม ช่วยให้การจดจำดีขึ้น
• ลดความดันโลหิต ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น
• มีวิตามินอี 15 หน่วยสากล ช่วยต้านอนุมูลอิสระ

คุณสมบัติ	รายละเอียด
น้ำมันปลา	1000 มก./แคปซูล
DHA	120 มก./แคปซูล
EPA	180 มก./แคปซูล
วิตามินอี	15 หน่วยสากล
เลขอย.	13-1-00449-5-0195

No.4 VISTRA Salmon Fish Oil 1000 mg Plus Vitamin E (75 Tablets)

ราคาอ้างอิง

248 บาท

ราคาต่ำ

น้ำมันปลาแซลมอน DHA 120 มก. EPA 180 มก. แบรนด์ไทยคุณภาพดี

• น้ำมันปลาแซลมอนคุณภาพสูง 1000 มก. ต่อเม็ด
• โอเมก้า-3 รวม 350 มก. เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
• วิตามินอี 10 หน่วยสากล ป้องกันการเสื่อมของโอเมก้า-3
• ราคาประหยัด คุ้มค่า จากแบรนด์ไทยที่เชื่อถือได้

คุณสมบัติ	รายละเอียด
น้ำมันปลาแซลมอน	1000 มก./เม็ด
DHA	120 มง./เม็ด
EPA	180 มก./เม็ด
วิตามินอี	10 หน่วยสากล
เลขอย.	13-1-00449-1-0238

No.5 Bewel Salmon Fish Oil 1000 mg Plus Vitamin E (70 Capsule)

ราคาอ้างอิง

189 บาท

ราคาต่ำ

ปราศจากโลหะหนัก DHA และ EPA คุณภาพสูง ราคาประหยัด

• ปราศจากโลหะหนักและสารปนเปื้อน มีความสะอาดสูง
• มีกรดไขมันโอเมก้า-3 แบ่งเป็น EPA และ DHA อย่างสมดุล
• ราคาถูกที่สุดในกลุ่มน้ำมันปลาแซลมอน
• เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

คุณสมบัติ	รายละเอียด
น้ำมันปลาแซลมอน	1000 มก./แคปซูล
โอเมก้า-3	ไม่ระบุปริมาณ
จำนวนเม็ด	70 แคปซูล
ข้อควรระวัง	มีส่วนผสมปลาทะเล
เลขอย.	13-1-00449-5-0008

No.6 Now Foods DHA-250 DHA250/EPA125 120 Softgels

ราคาอ้างอิง

722 บาท

ราคาปานกลาง

DHA เข้มข้น 250 มก. จากอเมริกา คุณประโยชน์ 4 เท่า เม็ดเล็กกลืนง่าย

• สกัดจากปลาแอนโชวีธรรมชาติ ผ่านการกลั่นระดับโมเลกุล
• DHA เข้มข้นถึง 250 มก. ต่อแคปซูล คุณประโยชน์ 4 เท่า
• เม็ดเล็กกลืนง่าย เหมาะสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
• สามารถเจาะเม็ดเจลผสมในอาหารหรือนมของเด็กทารกได้

คุณสมบัติ	รายละเอียด
น้ำมันปลา	500 มก./แคปซูล
DHA	250 มก./แคปซูล
EPA	125 มก./แคปซูล
ประเทศผลิต	สหรัฐอเมริกา
เลขอย.	10-3-23562-5-0005

No.7 Zeavita ฟิชออยล์ 7.7X DHA Omega3 สมองและสายตา (60เม็ด)

ราคาอ้างอิง

599 บาท

ราคาปานกลาง

หัวปลาทูน่า 100% DHA 125 มก. พลัสวิตามินบีรวม ลูทีน ซีแซนทีน

• น้ำมันปลาสกัดเย็นจากหัวปลาทูน่าทะเลน้ำลึก นำเข้าจากเยอรมนี
• DHA 7.7 เท่า เมื่อเทียบกับสูตรเดิม (125 มก. ต่อแคปซูล)
• มีวิตามินบี 12, B6, B2 และวิตามินอี ครบครัน
• ลูทีนและซีแซนทีนบำรุงสายตา ผ่านการทดสอบโลหะหนักจากญี่ปุ่น

คุณสมบัติ	รายละเอียด
DHA	125 มก./แคปซูล
EPA	25 มก./แคปซูล
แหล่งที่มา	หัวปลาทูน่าเยอรมนี
วิตามินเสริม	B12, B6, B2, E
เลขอย.	11-1-13164-5-0015

No.8 MEGA We Care DHA-125 (100’s) ดี เอช เอ-125 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ราคาอ้างอิง

493 บาท

ราคาปานกลาง

DHA 125 มก. EPA 35 มก. จากน้ำมันปลาทูน่า 100 เม็ด

• น้ำมันปลาทูน่า 500 มก. ต่อแคปซูล
• DHA สูงถึง 125 มก. เหมาะสำหรับบำรุงสมองเด็ก
• EPA 35 มก. ช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด
• วิตามินอี 1.45 มก. ป้องกันการเสื่อมของโอเมก้า-3

คุณสมบัติ	รายละเอียด
น้ำมันปลาทูน่า	500 มก./แคปซูล
DHA	125 มก./แคปซูล
EPA	35 มก./แคปซูล
วิตามินอี	1.45 มก./แคปซูล
เลขอย.	11-1-32732-1-0128

No.9 Nature’s Way Vita Burst DHA 330 50 Capsule แคปซูลชนิดเคี้ยวได้

ราคาอ้างอิง

599 บาท

ราคาปานกลาง

DHA เข้มข้น 330 มก. แคปซูลเคี้ยวได้ รสสตรอว์เบอรี่ เข้มข้น 3 เท่า

• แคปซูลชนิดเคี้ยวได้ เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่กลืนยาไม่ได้
• DHA เข้มข้นถึง 330 มก. ให้ประโยชน์เป็น 3 เท่า
• รสสตรอว์เบอรี่หวาน เด็กชอบทาน
• ปราศจากยีสต์ กลูเตน แลกโตส ผลิตภัณฑ์จากนม

คุณสมบัติ	รายละเอียด
น้ำมันปลา	597.6 มก./แคปซูล
DHA	330 มก./แคปซูล
EPA	60 มก./แคปซูล
รูปแบบ	แคปซูลเคี้ยวได้
เลขอย.	10-3-34859-5-0043

No.10 โทบี้ ไบโอ ออย DHA ดีเอชเอ

ราคาอ้างอิง

199 – 900 บาท

ราคาต่ำ

วิตามิน DHA สำหรับเด็ก บำรุงสมอง ระบบประสาท และกระดูก จากน้ำมันปลาทูน่า รสช็อคโกแลตและอื่นๆ

• Toby Bio Oil DHA ดีเอชเอ แท้ 100% อาหารเสริมเด็ก บำรุงระบบประสาทและสมอง สร้างพัฒนาการเรียนรู้ จดจำ เสริมสมาธิ
• ลดการร้องไห้กลางคืน ช่วยจดจำการหัดพูด การฟัง และให้นอนหลับสนิท สมองพักผ่อนเต็มที่
• ช่วยให้เจริญอาหาร เสริมพัฒนาการร่างกายให้โตเต็มวัย รองรับวิตามินดี3 วิตามินอี แคลเซียม จากส่วนผสมน้ำมันปลาทูน่า

วิธีการให้เด็กทาน DHA อย่างถูกต้องและปลอดภัย

การให้เด็กทาน DHA อย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและปลอดภัย ดังนี้

1. ปริมาณการทานตามวัย

การให้ DHA ตามวัยที่เหมาะสมจะช่วยให้เด็กได้รับประโยชน์เต็มที่

• เด็กอายุ 6 เดือน – 2 ปี ทานวันละ 1 แคปซูล หรือตามคำแนะนำของแพทย์
• เด็กอายุ 3-5 ปี ทานวันละ 1-2 แคปซูล ก่อนอาหารเช้า
• เด็กอายุ 6-12 ปี ทานวันละ 2-3 แคปซูล แบ่งทานกับมื้ออาหาร
• วัยรุ่น 13+ ปี ทานเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ วันละ 3-4 แคปซูล

2. เวลาที่เหมาะสมในการทาน

เวลาการทานมีผลต่อการดูดซึมและประสิทธิภาพ

• ก่อนอาหารเช้า เป็นเวลาที่ดีที่สุด เพราะท้องว่าง DHA จะดูดซึมได้ดี
• พร้อมอาหาร หากเด็กมีอาการคลื่นไส้ ควรทานพร้อมอาหาร
• หลีกเลี่ยงเวลาดึก ไม่ควรทานก่อนนอน เพราะอาจรบกวนการนอนหลับ

3. วิธีการให้เด็กทานที่ไม่ชอบ

สำหรับเด็กที่ไม่ชอบทานแคปซูล มีวิธีการดังนี้

• เจาะแคปซูล ผสมน้ำมันใส่นม น้ำผลไม้ หรือโยเกิร์ต
• เลือกรสชาติที่เด็กชอบ เช่น รสส้ม สตรอว์เบอรี่
• แคปซูลเคี้ยวได้ เหมาะสำหรับเด็กเล็กที่กลืนยาไม่ได้
• สร้างความสนุก ให้เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกและทาน

4. การดูแลและเก็บรักษา

การเก็บรักษาที่ถูกต้องจะช่วยรักษาคุณภาพของ DHA

• เก็บในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น
• ปิดฝาให้สนิท ป้องกันอากาศเข้า ทำให้ DHA เสื่อม
• ตรวจสอบวันหมดอายุ ไม่ควรใช้เกินวันที่กำหนด
• เก็บให้พ้นมือเด็ก ป้องกันเด็กทานเกินขนาด

สรุป: DHA เด็กยี่ห้อไหนดีที่สุดสำหรับลูก

DHA เด็กเป็นอาหารเสริมที่สำคัญ ช่วยพัฒนาสมอง เสริมสร้างความฉลาด และบำรุงสายตา เหมาะสำหรับพ่อแม่ที่ใส่ใจในพัฒนาการของลูกหรือต้องการเตรียมความพร้อมด้านการเรียน จากการรีวิว 9 แบรนด์ยอดนิยม เราสามารถแบ่งตามความเหมาะสมได้ดังนี้

• งบประมาณต่ำ (ต่ำกว่า 300 บาท): Bewel และ VISTRA เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด มี DHA และ EPA ครบถ้วน ราคาประหยัด
• งบประมาณปานกลาง (300-700 บาท): MEGA We Care, Zeavita และ Nature’s Way เป็นตัวเลือกที่มีส่วนผสมเสริมพิเศษ DHA เข้มข้นกว่า และเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยกว่า
• งบประมาณสูง (มากกว่า 700 บาท): Blackmores, Now Foods และ Auswelllife มีคุณภาพเยี่ยม DHA เข้มข้นสูงสุด มาตรฐานการผลิตระดับสากล และมักมีการรับรองคุณภาพที่ครอบคลุมกว่า

การเลือกซื้อควรพิจารณาตามวัยของเด็ก ความต้องการพิเศษ และงบประมาณ โดยสรุปปัจจัยสำคัญได้ดังนี้

1. ปริมาณ DHA: หากต้องการบำรุงสมองเข้มข้น ควรเลือกรุ่นที่มี DHA สูง 250-360 มก. ต่อแคปซูล
2. แหล่งที่มาของ DHA: ควรเลือกจากน้ำมันปลาทะเลน้ำลึก หรือน้ำมันสาหร่ายสำหรับเด็กแพ้ปลา
3. ความปลอดภัย: ใบอนุญาต อย. การทดสอบโลหะหนัก และมาตรฐานการผลิต ล้วนช่วยประกันคุณภาพและความปลอดภัย
4. รูปแบบและรสชาติ: หากลูกกลืนยาไม่ได้ ควรเลือกแคปซูลเคี้ยวได้หรือแคปซูลที่เจาะผสมอาหารได้
5. ความคุ้มค่า: ตรวจสอบราคาต่อเม็ดและปริมาณ DHA เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าที่แท้จริง

ไม่ว่าคุณจะเลือกแบรนด์ใด DHA เด็กจะช่วยให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้นและเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ทำให้มั่นใจในการเติบโตของลูกได้ทุกวัน โดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาสมาธิสั้นหรือความจำไม่ดี สิ่งสำคัญคือการให้ทานอย่างสม่ำเสมอและเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับวัยและความต้องการของลูก